สุขสันต์เดือนแห่งความรักค่ะทุกคน ! ในช่วงวาเลนไทน์แบบนี้ เราจะได้เห็นบรรยากาศแห่งความรักอบอวลหัวใจมากมายไปหมด ทั้งซุ้มดอกไม้ เพลงรัก และคู่หนุ่มสาว และแน่นอนว่าบรรยากาศน่ารัก ๆ แบบนี้ เราก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก เรื่องเล่าตำนานสุดแสนโรแมนติกที่ทุกคนอาจจะยังไม่รู้มาให้ได้อ่านกัน จะมีเรื่องอะไรที่น่าสนใจ มาดูพร้อม ๆ กัน
ด้ายแดงแห่งบุพเพสันนิวาส
ช่วงเดือนกุมภาพันธ์แบบนี้ ใครที่ยังไม่มีคู่ก็คงต้องเหงาน่าดู แต่ไม่เป็นไรเพราะเรามีตัวช่วยอย่าง "ด้ายแดง" เป็นเครื่องรางที่ขึ้นชื่อเรื่องความรักมาอย่างยาวนาน มีความเชื่อว่าหากคนโสดนำติดตัวไว้จะได้พบคู่รัก หากมีคู่แล้วจะช่วยให้ความรักราบรื่น เชื่อว่า หนุ่มสาวที่มีโชคชะตากำหนดให้มาคู่กัน จะมีเชือกสีแดงที่มองไม่เห็น ผูกอยู่ที่นิ้วก้อยของแต่ละฝ่าย และไม่ว่าคู่นี้จะอยู่ห่างไกลกันแค่ไหน โชคชะตาก็จะพาทั่งคู่มาอยู่ด้วยกันจนได้ นอกจากนั้นด้ายแดงมีประวัติความเป็นมาและตำนานที่เล่าต่อกันมาอีกด้วย!
ตำนานนี้เริ่มต้นขึ้นที่ประเทศจีน มีความเกี่ยวข้องกับเทพเจ้าแห่งความรักที่มีชื่อว่า เย่ว์เหล่า เป็นผู้ควบคุมและกำหนดโชคชะตาของด้ายแดง ได้มีเรื่องเล่าสนุกๆว่า มีชายคนหนึ่งกำลังเดินเล่นในยามค่ำคืน ได้พบกับ ชายประหลาด มีหนวดเคราขาว นั่งอ่านหนังสืออยู่ใต้แสงจันทร์ ชายคนนั้นเลยถามว่าท่านกำลังทำอะไรอยู่ ชายแก่เลยตอบว่า
“ข้านะหรอ ข้ากำลังตรวจทานสมุดบุพเพสันนิวาสของโลก”
หันไปข้างๆชายแก่ มีถุงสีเขียวที่มีด้ายแดงอยู่มากมาย เลยถามต่อว่ามันคืออะไร ชายแก่เลยตอบว่า
“ข้าใช้ด้ายแดงเหล่านี้มาผูกเท้าของสามีภรรยา แม้เป็นคู่แค้นคู่อาฆาต หรือ อยู่ห่างไกลกันหมื่นลี้ ข้าก็สามารถจับชายและหญิงที่มีวาสนาต่อกันมาผูกไว้ด้วยกันได้”
ชายได้ยินดังนั้นเลยถามเรื่องเนื้อคู่ของตัวเอง ชายแก่ก็ตอบไปแล้วก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เลยเกิดตำนานในที่สุด
มูนสโตน หินแห่งเสน่ห์
มูนสโตนเป็นหินยอดฮิตที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่สาว ๆ เป็นสัญลักษณ์แห่งความอ่อนโยน นุ่มนวล เชื่อว่าจะช่วยให้ผู้ที่สวมใส่โชคดีเรื่องความรัก เป็นตัวแทนของความบริสุทธิ์ สามารถสร้างพลังแห่งความรักให้คู่รัก มีพลังที่ทำให้ผู้ชายสามารถเข้าใจถึงความละเอียดอ่อนในจิตใจของผู้หญิงได้
เชื่อกันว่าเป็นหินเสริมเสน่ห์
ตามตำนานกล่าวว่า มูนสโตนเป็นหินศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังของดวงจันทร์ ถ้าอยากให้ยิ่งทรงพลังในตอนกลางคืนเราต้องตั้งหินไว้ในที่ที่แสงจันทร์ส่องถึง เพื่ออาบแสงจันทร์ ช่วยเสริมเสน่ห์ด้านความรัก เชื่อว่าพลังมูนสโตนมีพลังในการเพิ่ม Sex appeal ถึงขั้นที่ว่าหากใครมีคู่ครองอยู่แล้ว ไม่ควรจะพกหินมูนสโตนมากกว่าหนึ่งชิ้น เพราะจะทำให้มีคนมากมายเข้ามาแทรกแซงในความรักของคู่เรา จนเกิดเป็นรักหลายเส้าหรือการนอกใจได้! นอกจากด้านเสน่ห์แล้วมูนสโตนยังช่วยส่งเสริมในด้านของการปรับสมดุลอารมณ์ เพราะมูนสโตนเป็นหินธาตุเย็น ช่วยทำให้จิตใจของเราสงบร่มรื่นได้
เเหวนแต่งงานที่นิ้วนางข้างซ้าย
เคยมีใครสงสัยไหมว่า ทำไมในพิธีแต่งงานบ่าวสาวต้องแลกแหวนกันด้วย และทำไมจะต้องสวมในนิ้วนางข้างซ้าย แทนที่จะเป็นนิ้วอื่น ๆ เราจะมาไขข้อสงสัยกัน!
เจุดเริ่มต้นพิธีการแลกแหวนนั้นมาจากวัฒนธรรมตะวันตก โดยใช้แหวนเป็นตัวแทนของความรัก คำมั่นสัญญา ความเป็นเจ้าของซึ่งกันและกัน จึงไม่น่าแปลกใจนักที่จะได้รับความนิยมจากทั่วโลก
ส่วนเหตุผลที่ต้องเป็นนิ้วนางข้างซ้ายแทนที่จะเป็นนิ้วอื่นๆเพราะ ชาวอียิปต์เชื่อว่ามีเพียงนิ้วนางข้างซ้ายเท่านั้นที่มีเลือดใหญ่ที่ไหลตรงเข้าสู่หัวใจ จึงมีการตั้งชื่อเส้นเลือดดังกล่าวว่า Vena amori อันเป็นภาษาละตินซึ่งมีหมายความว่า “เส้นเลือดแห่งความรัก” (vein of love) ตามความเชื่อดังกล่าว ผู้คนจึงยอมรับให้เลือกสวมแหวนแต่งงานบนนิ้วนางข้างซ้าย และการสวมแหวนแต่งงานในนิ้วนางข้างซ้ายนี้เองเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่า คู่แต่งงานได้ประกาศมอบความรักนิรันดรให้แก่กันและกัน
จูเลียตกับจดหมายรักทั่วโลก
คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักกับความรักโศกนาฏกรรม โรมิโอ กับ จูเลียต เรื่องราวของจูเลียตเป็นที่ชื่นชอบมากในหมู่ของสาว ๆ แต่ไฮไลท์สำคัญอยู่ตรงที่ได้มีหนังเรื่อง Letters to Juliet (2010) เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วโลก โดยฉากส่วนใหญ่ถ่ายทำที่เมืองเวโรนา ประเทศอิตาลี จึงเป็นครั้งแรกที่ได้รู้ว่า Juliet Capulet มีบ้านอยู่ที่นั่น จนได้เกิดสถานที่ท่องเที่ยว "บ้านจูเลียต" โดยตัวบ้านมีลักษณะคล้ายกับบ้านในนวนิยายและพล็อตหนัง บวกกับบรรยากาศเมืองเวโรนาที่สุดแสนจะโรแมนติก ทำให้อินตามได้ไม่ยาก ถึงขั้นเริ่มมีจดหมายถึงที่สามารถพูดคุยกับจูเลียตได้จริง ๆ โดยเขียนจ่าหน้าซองว่า ‘Juliet, Verona, Italy’ เพื่อขอคำแนะนำความรักจากเธอ ผู้ตอบจดหมายเหล่านั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า "คณะเลขาของจูเลียต" ซึ่งล้วนแล้วเป็นผู้หญิงทั้งหมด ทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงระหว่างนวนิยายกับความจริงให้คนได้อินไปกับเรื่องราวความรักของจูเลียต อ้อ ! ถ้าพี่อ้อยพี่ฉอดไม่ว่าง ทุกคนก็สามารถปรึกษาความรักกับจูเลียตได้นะ !
พวงชมพู ดอกไม้รูปหัวใจริมรั้ว
นอกจากดอกกุหลาบที่เป็นสัญลักษณ์ในวันวาเลนไทน์ของฝั่งตะวันตก หากฟากของไทยก็ขอยกให้ต้นพวงชมพู เป็นพันธุ์ไม้ประดับที่ทั้งน่ารักและสีชมพูสดใส คล้ายต้นซากุระ เป็นต้นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศเม็กซิโก จัดอยู่ในพันธุ์ไม้เลื้อยเถาอ่อน มีอายุยืนนานหลายปี แต่ความพิเศษของพวงชมพูอยู่ตรงที่ มีดอกเล็ก ๆ น่ารักสีชมพู มีกลีบดอกเป็นรูปหัวใจ ใบเป็นรูปหัวใจ แม้แต่เมล็ดก็เป็นรูปหัวใจ เป็นไม้เลื้อยหัวใจอ่อนไหวไม่ว่าอยู่ใกล้ใครพวงชมพูก็จะเอาหัวใจผูกพันไว้อย่างเหนียวแน่น...
นอกจากนี้ยังมีนิทานเล่าต่อกันว่า ครั้งหนึ่งเมื่อราชินีแห่งนางฟ้าได้มาเที่ยวที่เมืองมนุษย์ ได้มีเหล่าตุ๊กตาของเด็ก ๆ ได้มาร้องทุกข์ว่ามีการทะเลาะกันในหมู่ตุ๊กตา นางฟ้าทำงานหนักจนไม่มีเวลาหาละอองดาวมาทำเป็นหัวใจให้ตุ๊กตา ทำให้เด็ก ๆ ไม่อยากเล่นตุ๊กตาเหมือนเคย ราชินีจึงนำพลอยมาฝังไว้กับดินและพูดว่า "จงเกิดเป็นรูปหัวใจ" และเกิดเป็นต้นพวงชมพูในเวลาต่อมา สำหรับใครที่ชอบเรื่องราวน่ารัก ๆ ของต้นพวงชมพูก็สามารถนำไปปลูกกันได้นะคะ
จริง ๆ แล้วเราสามารถบอกรักกันได้ทุกวัน ไม่จำเป็นจะต้องเป็นวันสำคัญหรือวันพิเศษเท่านั้น
เพราะคำว่ารัก พูดเบา ๆ ก็ดีต่อใจ <3