ในเวลาที่อยากจะหนี...
ในเวลาที่อยากให้มี “ประตูไปที่ไหนก็ได้” ของวิเศษจากโดราเอม่อนอยู่จริง
...คุณอยากไปไหน?
เราอาจจะนึกถึงชื่อสถานที่ที่น่าไปได้มากมายทันที ทะเล ภูเขา แคมป์ปิ้ง ตึกระฟ้า ฮาวาย อเมริกา โตเกียว ยันอลาสก้า แต่เราเคยนั่งจินตนาการจนเห็นภาพ “จริง ๆ” บ่อยแค่ไหน?
เราชอบพื้นที่อบอุ่นที่อยู่กลางอากาศเย็นสบาย เป็นโซฟาขนาดพอดีตัวพร้อมหมอนนิ่มสะอาดน่ากอดให้จมจมูก เราอยากอุ้มแก้วกาแฟกรุ่น ๆ ไปพับขาลงนั่ง วางเครื่องดื่มพักไว้บนโต๊ะตั้งโคมไฟสีเหลืองนวลให้หายร้อนก่อน หยิบผ้าห่มนุ่มมาคลุมตักแล้วใช้หมอนรองหนังสือเล่มที่กำลังอยู่ระหว่างช่วงสนุกให้ได้ระดับสายตา เอนหลังเข้ามุมพนักพิง ได้กลิ่นของหนังสือจาง ๆ เมื่อเริ่มเปิดอ่านต่อ อีกมือก็แกว่งดินสอไม้เข้ามือที่ทำจนติดเป็นนิสัยไปเพลิน ๆ
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เราก็เผลอหายใจเข้าลึก เหมือนร่างกายจะอยากได้กลิ่นหมึกและกระดาษ มืออยากสัมผัสถ้วยกาแฟอุ่นขึ้นมาจริง ๆ เราพักมือจากการพิมพ์ต้นฉบับแล้วหลับตาลง คิดถึงความเงียบแบบที่ทำให้สบายใจ ความเงียบที่ได้ยินแค่เสียงเข็มนาฬิกาอยู่ไกล ๆ ในห้องที่บุพรมและม่านหนา เวลาขยับตัวเดินไปมาก็ได้ยินแค่เสียงผ้าและเสียงฝีเท้าทึบ
เสียงพัดลมแอร์ตัดทำงานดึงเราลืมตากลับสู่หน้าจอคอมสีขาวแข็ง เราหายใจเข้าอีกครั้งพร้อมเหยียดหลังขึ้นตรงวางมือกลับไปบนคีย์บอร์ดแป้นพลาสติกสีดำ ยืดต้นคอสองทีซ้ายขวาเป็นการกระตุ้นตัวเองว่าเลยเวลาส่งงานมานานแล้ว อย่ามามัวแต่โอ้เอ้!
เราหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลือกเปิดเพลงกลบเสียงแอร์ที่กำลังบ่นหึ่ง ๆ ดึงสมาธิ
“...วันที่เธออยากจะหายไปจากโลกนี้
ให้เธอสร้างประตูที่หัวใจ
เปิดมัน แล้วเดินเข้าไป
จะพบพื้นที่ตรงนี้รอปลอบเธอ
อยากให้เธอวางใจ ...เธอจะไม่เป็นไร”
จินตนาการนี่มันเป็นน่ามหัศจรรย์จังเลยนะ แค่คิดก็พาเราไปถึงที่ชอบที่ชอบได้ทันที (ทำไมมันฟังดูแปลก ๆ ฮ่า ๆ) เพลงที่เรากำลังฟังอยู่นี่ก็น่าจะทำหน้าที่นั้นมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วเช่นกัน
มันคือเพลง Magic shop ที่สมาชิกวง BTS ตั้งใจทำเพื่อมอบให้เป็นตัวแทนพื้นที่ดูแลใจของ ARMY โดยเฉพาะ
เปล่า ๆ เราไม่ได้อยากหนีหายไปไหน เราโอเคดี แค่ได้หลับตานึกถึงเก้าอี้นุ่มนิ่มเมื่อกี๊ ก็ทำให้ลดความดันสูง ๆ ของเราลงไปได้เยอะแล้ว ที่เลือกเปิดเพลงนี้เพราะงานล่าสุดที่เราเพิ่งอ่านจบคือหนังสือที่เป็นแรงบันดาลใจและเป็นที่มาของเพลงดังกล่าว หนังสือเล่มนี้ชื่อ “INTO THE MAGIC SHOP – เราทุกคน ล้วนมีร้านเวทมนตร์อยู่ในใจ” ที่เขียนเล่าเรื่องโดย “จิม” หรือ ดร. เจมส์ อาร์. โดตี ผู้แต่งที่บอกว่า “สมองเป็นสิ่งสวยงามที่สุดอย่างหนึ่งที่เคยพบมา” และคิดว่ามนุษย์ที่ฉลาดที่สุดคือ เหล่าเด็ก ๆ
บอกกันตรง ๆ ว่า หนังสือหมวดพัฒนาตนเอง กับบทความเสริมสร้างกำลังใจไม่ตรงรสนิยมของเราสักเท่าไหร่ แต่เพราะได้ฟังและได้รู้ที่มาของเพลงความหมายดีเพลงนี้ จึงกลับไปหาหนังสือเล่มนี้มาอ่าน (ก็คือเพิ่งเริ่มเป็นติ่งบังทันได้ไม่นานกำลังอยู่ในช่วงเห่อเลยค่ะ อะไรที่เกี่ยวกับบังทันก็เลยน่ารู้น่าสนใจขึ้นมาได้อย่างมหัศจรรรย์ค่ะ! ว้าว!)
ทำให้เราได้เจอกับ “จิม” เด็กชายผู้ได้เรียนรู้กลที่วิเศษมากขนาดที่ผู้สอนรับรองว่าหากฝึกสำเร็จละก็ จิมจะสามารถเสกสิ่งที่คิดให้กลายเป็นจริงได้!
ท่าทางเรื่องของจิมน่าจะเป็นแนวประดับความประทับใจ สร้างพลังบวกแบบปิ๊งปั๊งให้คนอ่านอยากออกไปตามฝันในทุ่งกว้างทันทีที่จบเล่ม
...หนังศีรษะ โรงเรียนแพทย์ สว่านเจาะกะโหลก เลื่อยกระดูก เยื่อหุ้มสมองชั้นดูรา เมดัลโลบลาสมา...
เดี๋ยวนะ ๆ ตกลงนี่หยิบหนังสือมาถูกเล่มแน่หรือเปล่า? ไหนบอกว่าเป็นหนังสือสอนให้เราเปิดใจ ทำไมเปิดเล่มมาด้วยการเล่าขั้นตอนการเปิดกระโหลกคนไข้แบบถึงภาพถึงกลิ่นขนาดนี้เนี่ย?! (พลิกดูปกให้แน่ใจอีกรอบ)
ที่ซีนเปิดเรื่องของจิมดูเหมือนฉากในห้องผ่าตัดซีรีส์ E.R.หรือ Grey’s Anatomy ก็เพราะว่า ดร.เจมส์ไม่ใช่แค่นักวิจัยผู้สงสัยใคร่รู้ในพลังจินตนาการของสมองและใจคนเท่านั้น แต่ยังเป็นศัลยแพทย์ประสาทฝีมือเยี่ยมที่ผ่าตัดสมองคนไข้เป็นอาชีพจริง ๆ อีกด้วย!
“ศัลยแพทย์นั้นได้รับการฝึกให้ปิดการรับรู้ด้านอื่นขณะกำลังผ่าตัด ไม่เข้าห้องน้ำ ไม่กินอาหาร เราได้รับการฝึกให้ลืมความปวดหลังหรือตะคริวที่เกิดขึ้น” จิมขยายความระหว่างที่เล่าเรื่องในห้องผ่าตัด
อาชีพที่อยู่ใกล้ชิดกับวิทยาศาสตร์และต้องใช้สมาธิแบบเพ่งมากขนาดนี้ ดูไม่น่าจะเข้ากันกับการร่ายคาถาหรือมายากลได้เลย
...แต่จิมเชื่อ
มีเรานี่แหละที่ยังไม่เชื่อ! แต่ก็อ่านต่อไปด้วยความสงสัยว่า “รูธ” หญิงชราที่จิมเคยพบตอนวัยเด็กจะทำให้เขา (รวมถึงเรา) เชื่อในเวทมนตร์ได้อย่างไร
หลังจากที่เราติดตามชีวิตของเด็กชายที่เปิดรับกลของรูธไว้ในใจค่อย ๆ เติบโตพ้นวัยกลางคน จนมาเป็นผู้ก่อตั้งศูนย์เพื่อการวิจัยและการศึกษาด้านความเมตตาและความเห็นแก่ผู้อื่น (CCARE: Center for Compassion and Altruism Research and Education) ณ โรงเรียนแพทย์ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เราเปิดกลับไปดูกรอบของประโยคที่ถูกเน้นไว้ตรงบทที่หนึ่งอีกครั้ง
“คนส่วนใหญ่ที่มาดูมายากลไม่ได้อยู่ตรงนั้น เพื่อดูมายากลจริง ๆ หรอก”
หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่หนังสือ “ทางลัดสู่กลของรูธ” เราอ่านจนจบโดยไม่ได้นั่งลงทดลองทำแบบที่รูธฝึกจิมสักครั้ง แต่เราคิดว่าเราเป็นผู้ชมมายากลที่ดี
สามารถเข้าชมเว็บไซต์อย่างเป็นทางการคลิก>> “INTO THE MAGIC SHOP – เราทุกคน ล้วนมีร้านเวทมนตร์อยู่ในใจ” โดย ดร.เจมส์ อาร์. โดตี
เรื่อง : พัดชา เอนกอายุวัฒน์ / ภาพประกอบ : ณภัค ภูมิชีวิน