ALTV All Around
ALTV News
บทความอื่นจาก Thai PBS
ALTV All Around
ALTV News
บทความ Thai PBS
สุขพอดี เชียงใหม่ ร้านกาแฟที่ใส่ใจความรู้สึกของคนในองค์กรมาเป็นที่หนึ่ง
แชร์
ชอบ
สุขพอดี เชียงใหม่ ร้านกาแฟที่ใส่ใจความรู้สึกของคนในองค์กรมาเป็นที่หนึ่ง
30 ก.ย. 65 • 10.30 น. | 477 Views
ขนาดอักษร : กลาง
ALTV CI

ในฐานะเจ้าของธุรกิจ คำถามแรกที่คุณใช้สัมภาษณ์พนักงานใหม่ในวันนัดสัมภาษณ์คืออะไร คุณปิดประกาศรับสมัครงานด้วยวิธีแบบไหน หรือคุณเพียงแค่ตั้งจิตอธิษฐานว่าหากเรามีพลังงานที่ดี เดี๋ยวกฎแห่งธรรมชาติก็เชื่อมโยงคนที่คล้าย ๆ กัน ให้เดินเข้ามาหาเราเอง

ฉันเดินเข้าร้านกาแฟนี้ด้วยเหตุผลเดียวเลย เพราะสะดุดตากับชื่อของร้านที่ติดไว้ด้านหน้า ‘สุขพอดี’

ทีแรกขับรถเลยไปแล้วล่ะ แต่พอเห็นชื่อร้าน เหลียวมองสุดหางตา ตัดสินใจเบี่ยงรถเข้าข้างทาง ถอยหลังกลับไปดูหน่อยซิ เห็นชื่อร้านแล้วทำให้อยากรู้จักเจ้าของจริงๆ

มุมขายหนังสือเด็กบนตู้ไม้ ขนมโฮมเมดสดใหม่หน้าตาดูน่ากินมากที่ฉันพยายามเลี่ยงเพราะแวะกินมาแล้วตลอดทาง มุมเก้าอี้นั่งง่าย ๆ ในร้านที่ให้ความรักของห้องนั่งเล่นกลางบ้าน เสียงกีตาร์บรรเลงผสมด้วยจังหวะของเสียงผิวปากดังมาจากลำโพง สินค้าจุกจิกที่ดิสเพลย์ไว้ตรงมุมเล็ก ๆ ของร้าน เห็นแล้วอยากได้ไปหมด และแน่นอน มุมดริปกาแฟที่ทุกวันเราจะได้ยินเสียงพูดคุยอารมณ์ดีของคุณบิ๊ก บริรักษ์ อภิขันติกุล อดีตวิศวกรการบิน ที่สามารถคิดหาบทสนทนามาคุยกับลูกค้าตรงเก้าอี้หน้าบาร์ แลกเปลี่ยนความรู้เรื่องกาแฟได้แบบไม่รู้จบ

9 ปีก่อนหน้าที่คุณบิ๊กจะมาอยู่ในวงการกาแฟแบบจริงจัง คุณบิ๊กเคยเป็นวิศวกรการบินอยู่หกปี ทำงานผลิตอะไหล่เครื่องบินที่นิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดระยอง ส่วนภรรยา คุณจอม อุไรพรรณ์ อภิขันติกุล ที่คุณบิ๊กบอกว่าคือเจ้าของร้านสุขพอดีตัวจริง เป็นอดีตพนักงานแบงค์ชาติ

คำถามแรกในวันที่คุณบิ๊กตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อมาศึกษาเรื่องกาแฟจริงจัง ญาติ ๆ ถามคุณบิ๊กว่า เป็นวิศวกรรายได้ดีอยู่แล้ว จะออกมาทำร้านกาแฟทำไม ? คำตอบของคุณบิ๊กในเวลานั้นมีสองข้อ ข้อแรก “ผมอยากเป็นเจ้าของเวลาบ้างครับ” และอีกข้อ เป็นเรื่องของพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ว่าด้วยหน้าที่ของคนไทย

“ตอนทำวิศวกรการบินทุกอย่างมันรีบเร่งไปหมด เพราะเวลาผลิตชิ้นส่วนเครื่องบิน เขานับกันเป็นนาที ถ้าผิดพลาดไปหนึ่งนาทีก็จะมีการดำเนินการบางอย่างกับคนที่ทำผิดพลาดนั้น ตอนนั้นเราทำงานอยู่ที่นั่นมานานสักระยะหนึ่งแล้วล่ะ ทำงานตามเวลาที่ถูกตั้งกติกาไว้จนมันกลายเป็นชีวิตที่ไม่ใช่ชีวิตโดยไม่รู้ตัว พอมีสตินั่งคุยกับตัวเอง ปัญญาเริ่มทำงานขึ้นมานิดหนึ่ง เราก็รู้สึกว่าเออว่ะ นี่มันไม่ใช่ชีวิตเลยเนอะ ก็เริ่มอยากจะออกจากงานไปทำอะไรที่มีความสุข บวกกับกระแสพระราชดำรัสในหลวงรัชกาลที่ 9 กับหน้าที่คนไทย ที่ในตอนนั้น เราก็ตั้งคำถามกับตัวเองอีกว่า เอ๊ะ นี่เราทำงานกับบริษัทฝรั่งหมดเลย เราทำอะไรให้ประเทศชาติบ้างนะ จากวันนั้นก็เลยคล้าย ๆ กับการอยากออกตามหาตัวเองนิดหน่อย ระหว่างตามหาก็ทำหลายอย่างมากเลยครับ หนึ่งในนั้นคือขึ้นไปศึกษางานบนดอยเพื่อหาความรู้เริ่มต้น เริ่มจากไปไร่กาแฟของน้องลี (ลี อายุ จือปา) กับไร่ของพี่วัลลภ (Nine One Coffee) เราได้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่างบนดอยครับว่าจริงๆ แล้ว กาแฟดี ๆ มันมีขั้นตอน มีองค์ความรู้ชุดสำคัญที่เราควรจะต้องเอาไปกระจายให้คนที่สนใจหรือให้ชาวบ้านได้รับรู้มากขึ้น”

เก้าปีก่อนหน้า ในวันที่คุณบิ๊กมีความคิดที่อยากจะทำธุรกิจกาแฟเชิงบวก เพื่อให้ความสุขและความรู้ได้กระจายทั่วถึงกันตั้งแต่ต้นน้ำจนปลายน้ำ ไม่ว่าจะเกษตรกร โรงคั่ว ร้านค้า และลูกค้า คุณบิ๊กลงทุนกับเพื่อนสองสามคนทำธุรกิจร้านกาแฟร้านแรกในชีวิตโดยมีเป้าหมายที่อยากจะพัฒนากาแฟไทย

“ผมชอบเรียนรู้กับความผิดพลาด ชอบการเรียนรู้จากการทำงานที่ไม่จำเป็นต้องวางแผนไว้ร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วค่อยเริ่มทำ เราขอวางแผนสักยี่สิบเปอร์เซ็นต์แล้วลองเลย ทำเลย ผิดพลาดก็แก้กันไป ผมเชื่อในการ learning by doing จากพื้นฐานข้อมูลบางอย่างเท่าที่มีอยู่ในมือแล้ว”

แต่พอคิดจะทำธุรกิจกาแฟ ถ้าลุกขึ้นมาปลูกเองผลิตเองเลยตั้งแต่เริ่มต้น ความยากในตอนนั้นคือด้วยความเป็นน้องใหม่ในวงการกาแฟ คุณบิ๊กเองก็ยังมองช่องทางการตลาดไม่ขาดว่า เอ๊ะ แล้วจะเริ่มจากไปขายใครล่ะ เพราะการจะสร้างแบรนด์ให้คนรู้จัก ให้คนยอมรับ มันต้องใช้เวลา

คุณบิ๊กปรึกษากับเพื่อน ๆ พี่ๆ ในวงการกาแฟที่รักใคร่เอ็นดูกัน จนได้องค์ความรู้มาเปิดร้านกาแฟเล็ก ๆ ของตัวเองชื่อ School Coffee ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของการศึกษาปลายน้ำ

“มันคือการศึกษาว่าเราจะทำยังไงให้กาแฟที่เราชงมันอร่อยที่สุดด้วยเมล็ดกาแฟที่เรามีอยู่ในมือ ศึกษาความต้องการของลูกค้า ร้านที่เปิดตอนนั้นเป็นพื้นที่เล็ก ๆ คล้ายบูธโค้กขนาด 2x2 เมตรครับ เปิดใต้หอพักนักศึกษา ย่านมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพราะตัวผมเองก็จบวิศวกรรมศาสตร์ที่นั่น ตอนนั้นรู้อยู่แล้วว่าเปิดร้านตรงนั้น คนมันน้อย รายได้มันไม่เวิร์กหรอก แต่ก็คุยกับเพื่อนที่หุ้นด้วยกันว่า เอาน่า คิดเสียว่านี่คือปริญญาอีกหนึ่งใบ คิดว่าเรากำลังมีลูกค้ามาจ่ายตังให้เราเรียนปริญญา พอจ่ายค่าเช่าค่ากินค่าอยู่ก็พอแล้ว คือผมว่าถ้าเมื่อไหร่เราเอาคำว่าธุรกิจเป็นตัวตั้ง เราจะไม่มีความสุขกับการศึกษาอย่างแท้จริง รวมไปถึงความรักที่เรามีให้กับกาแฟมันยังหมายถึงป่าและเขาด้วย ถ้าเราเอาธุรกิจเป็นตัวตั้งปุ๊บ เราจะติดขัดไปหมดเพราะมัวแต่พะวงกับเรื่องผลกำไร นาทีนี้ถามภรรยาผมได้เลยครับว่าเราสองคนเป็นกลุ่มคนที่ไม่เอาเรื่องการเงินเลยจริง ๆ เราไม่เอาธุรกิจเป็นตัวตั้ง”

ทุกวันนี้ คุณบิ๊กเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มที่ชื่อสหายกาแฟกับคอนเซ็ปต์ของกลุ่ม คือขอให้คุณรักในกาแฟไทยก่อน ตั้งใจทำมันให้ดี มีความยุติธรรมให้กับกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการเดินทางของกาแฟ

ในช่วงเก้าปีจากที่วันเปิดร้าน School Coffee ใต้หอพักนักศึกษา จนพัฒนามาเป็นตัวตนของร้าน School Coffee ที่แข็งแรงและชัดเจนขึ้น โดยเริ่มจากเมล็ดกาแฟจากพี่ที่รู้จัก จนค่อย ๆ มีโรงคั่วกาแฟเป็นของตัวเอง กระทั่งมาถึงร้านกาแฟสุขพอดีซึ่งเพิ่งเปิดมาได้เกือบสองปี สิ่งที่ดีที่สุดในฐานะเจ้าของธุรกิจคือการสร้างคน

“บาริสต้าคนแรกของร้าน School Coffee ในตอนนั้นชื่อนิน เป็นน้องที่มากินกาแฟที่ร้าน ตอนเราไม่ว่าง เราบอกน้องว่า เอ้า อยากกินก็มาทำเองเลยนะ เขาก็เลยเริ่มมาทำงานให้ที่ร้าน ทุกวันนี้เขาไปมีร้านกาแฟของตัวเองแล้ว น้องอีกคนชื่อน้องกอล์ฟ อดีตเด็กวิศวกร ทุกวันนี้ไปโด่งดังอยู่ภูเก็ต ทำร้านชื่อ Campus Coffee Roaster คือการสร้างคนมันก็ถือเป็นการสร้างสังคม Positive Thinking ที่เราอยากมีอยากเป็น ไม่ใช่สังคมเร่งรีบแบบในโรงงานหรือสังคมในวงการธุรกิจที่ทุกอย่างเป็นเรื่องของผลประโยชน์ หรือการผลิตที่ต้องมีประสิทธิภาพเท่านั้น”

‘เรียนรู้จากความผิดพลาด’ คือคีย์เวิร์ดในการทำงานที่คุณบิ๊กพูดย้ำอยู่หลายครั้งมาก

จะว่าไป ฉันว่าคุณบิ๊กเป็นเจ้าของร้านที่มีสมาธิสูงมากนะ เพราะระหว่างคุยกับฉันอยู่หน้าบาร์ดริปกาแฟนั้น คุณ บิ๊กสามารถตัดสลับหันไปทักทายต้อนรับลูกค้าทั้งประจำและไม่ประจำที่เดินเข้ามาในร้านได้ด้วย ส่วนสองมือก็ดริปกาแฟไป ระหว่างเราคุยกันนี่ คุณบิ๊กดริปกาแฟไปด้วย เสร็จไปแล้วสามถ้วย

ส่วนคีย์เวิร์ดสำคัญในการใช้ชีวิตขั้นพื้นฐานที่สำหรับคุณบิ๊กและภรรยา คือคำว่า ‘ความสุข’

“ร้านนี้จริง ๆ ต้องบอกว่าเป็นของภรรยาครับ เป็นความคิดเขาที่อยากจะทำร้านนี้ ภรรยาเป็นคนเชียงใหม่ ผมเป็นคนขอนแก่น ไปเจอกันบนไร่กาแฟอาข่า อ่ามา ตอนนั้นผมถือเป็นรุ่นซีเนียร์แล้ว ไปคุมน้อง ๆ ผลิตอีกทีหนึ่ง ส่วนจอมตอนนั้นเขาเป็นเด็กใหม่ที่เพิ่งสมัครเข้ามาเป็นฝ่ายผลิต ผมก็เลยไปจีบรุ่นน้องมา (ฮา) จริง ๆ อยู่บนนั้นจะไม่ค่อยได้คุยกันหรอกครับ เพราะผมก็มุ่งมั่นกับการผลิตกาแฟอย่างเดียว จนพอลงจากเขามาก็เลยสานสัมพันธ์ ซึ่งตอนนั้นจอมเขาลาออกจากแบงค์ชาติมาแล้ว และกำลังหาตัวตนของตัวเองเหมือนกัน”

ก่อนที่ร้านกาแฟสุขพอดีจะมีสภาพร่มรื่นน่านั่ง เหมาะกับทุกเพศทุกวัยที่รักการดื่มกาแฟแม้แต่เด็กจิ๋วที่ทางร้านเขาก็มีเครื่องดื่มไว้บริการให้ด้วย พื้นที่ตรงนี้เคยเป็นพื้นที่สำนักงานของโรงงานทำเฟอร์นิเจอร์มาก่อน จนหลังน้ำท่วมใหญ่เมื่อหลายปีก่อน สภาพก็กลายเป็นพื้นที่ร้าง ทรุดโทรม หลังคารั่ว ฝ้าทะลุ พื้นแตกหมด รากไม้ของต้นไม้ใหญ่หลังร้านดันพื้นขึ้นมา กระทั่งคุณบิ๊กกับภรรยาเข้ามารีนูเวทพื้นที่

จากวันที่คุณบิ๊กเคยมองชีวิตตัวเองสมัยเป็นพนักงานประจำว่า ในแต่ละนาทีที่ผ่านไปนั้น การผลิตชิ้นส่วนเครื่องบินคือเงื่อนไขสำคัญในการดำเนินชีวิต พลาดไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว ซึ่งเงื่อนไขที่ว่านั้นก็ค่อย ๆ ดูดกลืนเวลาในทุกส่วนของชีวิตไปโดยไม่รู้ตัว กระทั่งจนวันนี้คุณบิ๊กได้เป็นเจ้าของเวลาตัวเองอย่างเต็มที่แล้ว คุณบิ๊กยืนยันกับเราว่าเส้นทางที่เขาเลือกเดินเมื่อ 9 ปีก่อน ในวันที่ตัดสินใจลาออกจากงานประจำนั้น มันถูกต้องแล้ว พร้อมด้วยประโยคติดตลกในช่วงท้ายที่เรียกเสียงหัวเราะจากลูกค้าในร้านที่นั่งฟังบทสนทนาระหว่างเราอย่างตั้งอกตั้งใจ ประหนึ่งกำลังทำรายการถ่ายทอดสด

 “ผมไม่ใช่คนรวยเงินแน่นอน แต่ถ้าแข่งความสุขผมไม่แพ้ใครแน่นอน แต่เอาจริง ๆ ก็อยากมีเงินบ้างแล้วนะนี่ ชีวิตเริ่มยากแล้ว แต่ก็ยังมุ่งมั่นที่จะหาความสุขต่อไปครับ”

‘ใช้ความสุขเป็นตัวนำในการใช้ชีวิต’ ประโยคนี้ฟังแล้วดูดีมากเลย แต่พอมองในโลกของความจริงที่คนเราต้องกินต้องใช้ ความสุขอย่างเดียว ไม่เน้นเงิน มันเป็นไปได้จริงเหรอ

“ใช่ครับ องค์กรไหน ๆ ก็ต้องรันด้วยเงินแน่นอน แต่เงินก็ไม่ควรเป็น Priority แรก ส่วนตัวผมมองว่า Priority ที่สำคัญอันดับหนึ่งคือเรื่องของความรู้สึกมากกว่า ความรู้สึกในที่นี้หมายถึงความรู้สึกของคนที่อยู่ด้วยกันในองค์กรว่าทุกคนแฮปปี้กับการทำงานไหม เพราะฉะนั้นทุกอย่างที่ถูกออกแบบขึ้นมาในร้านนี้ อันดับแรกก็คือเพื่อให้คนทำงานของเรามีความสุข อย่างการออกแบบบาร์ เคาน์เตอร์ ระยะพื้นที่ในการใช้งานทุกอย่างเกิดจากเพื่อคนของเราก่อน จากนั้นถ้าสิ่งที่เราสร้าง มันดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามากินกาแฟของเรา ทำให้เรามีเงินรันให้ทุกอย่างในร้านมันดำเนินไปได้ อันนั้นผมถือว่ามันเป็นแค่ผลที่ตามมา แต่สำคัญที่สุดคือต้องทำให้คนในองค์กรของเรามีความสุขก่อน”

ถึงตรงนี้ มีข้อหนึ่งที่ฉันสงสัยมาก ฉันอยากรู้ว่าร้านนี้มีวิธีการคัดเลือกพนักงานยังไง และคำถามแรกที่ใช้ในการสัมภาษณ์คืออะไร

“เราไม่เคยติดป้ายรับสมัครพนักงานครับ เวลาอยากได้พนักงาน สิ่งเดียวที่ผมทำคืออธิษฐาน ผมเป็นคนเชื่อในกฎแห่งแรงดึงดูดมาก คือถ้าเราคิดดีทำดีเราก็น่าจะได้เจอคนดี ๆ สิน่า และพอถึงเวลาทำงานด้วยกันแล้ว ถ้าเรามี energy ที่ดีเป็นตัวอย่างให้คนในองค์กรเห็น เดี๋ยวเขาก็เรียนรู้บางอย่างจากเราเอง รู้ว่าจะเลือกวิธีการทำงานแบบไหนของเราไปใช้”

หลังจบบทสนทนา ฉันเดินไปที่หลังร้าน มีต้นฉำฉาต้นใหญ่มากอยู่ที่นั่น ฉันยืนมองกิ่งก้านสาขาของต้นไม้นี้ที่แผ่ปกคลุมพื้นที่สวนหลังร้านกาแฟจนกลายเป็นอีกหนึ่งมุมน่านั่งของลูกค้าที่ต่างเดินทางมาจากต่างที่ต่างถิ่น ฉันมั่นใจว่าหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ต้นฉำฉาต้นนี้เติบใหญ่ได้ขนาดนี้ มาจากดินที่ดี

ก็เหมือนกับที่คุณจอมและคุณบิ๊กตั้งชื่อให้ลูกชายว่า ‘ดิน’ นั่นล่ะ คุณจอมพูดให้ฟังว่าที่ตั้งชื่อลูกด้วยคำนี้ ก็เพราะชอบความกว้างใหญ่ ความหนักแน่นและความใจดีของดิน

ดินคือผู้ให้อย่างไม่มีเงื่อนไขและไม่หวังสิ่งตอบแทน เช่นกันกับการจะเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้เติบโตเป็นคนดีของสังคมได้ ผู้เป็นพ่อแม่ก็มีหน้าที่ ๆ จะต้องคอยดูแลดินให้ดินเป็นดินดี เมื่อดินดีแล้ว ไม่ว่าจะหว่านเม็ดพันธุ์อะไรลงไปก็ตาม ต้นไม้ก็สามารถเติบโตงอกงามได้ แถมยังแผ่ขยายกิ่งก้านไปดูแลผู้อื่นด้วย

ฉันจินตนาการต่อไปว่า ถ้ามีคนที่ใส่ใจความรู้สึกของสมาชิกในองค์กรมากกว่าเงินมารวมตัวใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในหมู่บ้านสักแห่ง แต่ละบ้านทำธุรกิจต่างกัน เป็นธุรกิจที่ตอบโจทย์ในการใช้ชีวิตของคนทั้งหมู่บ้าน มันจะเป็นหมู่บ้านที่สุขกำลังดีขนาดไหนกันนะ คือชีวิตนี้คงไม่ต้องออกไปวิ่งตามหาความสมบูรณ์แบบอะไรกันอีกแล้ว เพราะทุกอย่างในโลกนี้ ถ้าเราเริ่มต้นจากความใจเขาใจเรา มันก็จะไม่มีการเอาเปรียบ ไม่มีใครคนใดที่ถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลัง มันคือการเดินไปข้างหน้าพร้อม ๆ กันด้วยความเท่าเทียม

ขอบคุณตัวเองที่ไม่ปล่อยให้ความสุขผ่านตาไปเฉยๆ

ขอบคุณตัวเองที่ถอยรถกลับมา

 สุขพอดี Simply Happy | Facebook <<คลิก

เรื่อง // ถ่ายภาพ : พัทริกา ลิปตพัลลภ

ภาพประกอบ : ณภัค ภูมิชีวิน

แท็กที่เกี่ยวข้อง
#สุขพอดี, 
#สุขพอดีsimplyhappy, 
#ร้านกาแฟ, 
#ร้านกาแฟเชียงใหม่, 
#แนะนำร้านกาแฟ, 
#บทสัมภาษณ์, 
#เจ้าของร้านกาแฟ, 
#ดริปกาแฟ, 
#SchoolCoffee, 
#learningbydoing, 
#บริรักษ์อภิขันติกุล, 
#บิ๊กบริรักษ์, 
#วิศวกรการบิน, 
#อุไรพรรณ์อภิขันติกุล, 
#แบงค์ชาติ, 
#พนักงานแบงค์ชาติ, 
#พระราชดำรัส, 
#พระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่9, 
#หน้าที่ของคนไทย, 
#ทำร้านกาแฟ, 
#NineOneCoffee, 
#พัฒนากาแฟไทย, 
#ธุรกิจกาแฟ, 
#การวางแผนธุรกิจ, 
#เมล็ดกาแฟ, 
#CampusCoffeeRoaster, 
#บาริสต้า, 
#PositiveThinking, 
#ความสุข, 
#รวยความสุข, 
#แพทพัทริกา, 
#พัทริกาลิปตพัลลภ, 
#ชาติที่แล้วคงเกิดเป็นแขก, 
#ซินญอริต้าในชุดผ้ากันเปื้อน, 
#บทความ, 
#บทความแนะนำ, 
#บทความน่าอ่าน, 
#ที่เที่ยวเชียงใหม่, 
#บทความALTV, 
#ALTV, 
#ThaiPBS, 
#ไทยพีบีเอส 
ผู้เขียนบทความ
avatar
พัทริกา ลิปตพัลลภ
แพท
นักเขียนอิสระ เจ้าของหนังสือชาติที่แล้วคงเกิดเป็นแขกและซินญอริต้าในชุดผ้ากันเปื้อน ที่หลงใหลการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ และการได้พบปะผู้คนใหม่ ๆ ก็มีเรื่องน่าสนใจเต็มไปหมด
ALTV CI
คิด-ออก
คิด-ออก
ALTV All Around
ผู้เขียนบทความ
avatar
พัทริกา ลิปตพัลลภ
แพท
นักเขียนอิสระ เจ้าของหนังสือชาติที่แล้วคงเกิดเป็นแขกและซินญอริต้าในชุดผ้ากันเปื้อน ที่หลงใหลการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ และการได้พบปะผู้คนใหม่ ๆ ก็มีเรื่องน่าสนใจเต็มไปหมด
แท็กที่เกี่ยวข้อง
#สุขพอดี, 
#สุขพอดีsimplyhappy, 
#ร้านกาแฟ, 
#ร้านกาแฟเชียงใหม่, 
#แนะนำร้านกาแฟ, 
#บทสัมภาษณ์, 
#เจ้าของร้านกาแฟ, 
#ดริปกาแฟ, 
#SchoolCoffee, 
#learningbydoing, 
#บริรักษ์อภิขันติกุล, 
#บิ๊กบริรักษ์, 
#วิศวกรการบิน, 
#อุไรพรรณ์อภิขันติกุล, 
#แบงค์ชาติ, 
#พนักงานแบงค์ชาติ, 
#พระราชดำรัส, 
#พระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่9, 
#หน้าที่ของคนไทย, 
#ทำร้านกาแฟ, 
#NineOneCoffee, 
#พัฒนากาแฟไทย, 
#ธุรกิจกาแฟ, 
#การวางแผนธุรกิจ, 
#เมล็ดกาแฟ, 
#CampusCoffeeRoaster, 
#บาริสต้า, 
#PositiveThinking, 
#ความสุข, 
#รวยความสุข, 
#แพทพัทริกา, 
#พัทริกาลิปตพัลลภ, 
#ชาติที่แล้วคงเกิดเป็นแขก, 
#ซินญอริต้าในชุดผ้ากันเปื้อน, 
#บทความ, 
#บทความแนะนำ, 
#บทความน่าอ่าน, 
#ที่เที่ยวเชียงใหม่, 
#บทความALTV, 
#ALTV, 
#ThaiPBS, 
#ไทยพีบีเอส 
แชร์
ชอบ
ติดตามเรา