“Pet Parent” คือคำที่ใช้เรียกพฤติกรรมการเลี้ยงสัตว์เหมือนลูก หรือสมาชิกในครอบครัว ซึ่งนอกจากการดูแลขั้นพื้นฐานแล้ว ยังให้ความรักความเอาใจใส่ต่อสัตว์เลี้ยงเทียบเท่ากับสมาชิกในครอบครัว ยอมทุ่มเทเงินและเวลา เพื่อแลกกับความสุขและความเป็นอยู่ที่ดีของสัตว์เลี้ยง เช่น ค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาล ค่าอาบน้ำตัดขน ฯลฯ นอกจากนี้สำหรับพวกเขาแล้วสัตว์เลี้ยงถือเป็นอันดับแรก ๆ ที่ต้องคำนึงถึงต้องตัดสินใจในเรื่องสำคัญ เช่น การเลือกที่อยู่ การท่องเที่ยว การทำงาน ฯลฯ
จากผลการสำรวจในปี 2023 โดย Pew Reserch Center ระบุว่า กลุ่มผู้เลี้ยงสุนัขชาวอเมริกัน 1,000 ราย อายุ 18 ถึง 26 ปี กว่า 67% เลือกเลี้ยงสัตว์แทนการ มี ‘ลูก’ และอีก 51% มองว่าสัตว์เลี้ยงไม่ได้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของครอบครัวเท่านั้น แต่มีความสำคัญ ‘เทียบเท่า’ คนในครอบครัว
นอกจากนี้ผลการสำรวจของ Rover เครือข่ายพี่เลี้ยงสัตว์ประเทศสหรัฐอเมริกา ยังระบุไว้อีกว่า 1 ใน 10 ของครอบครัวชาวอเมริกันเลือกชะลอการมีลูกหรือไม่มีลูก และตัดสินใจเลี้ยงสุนัขหรือแมวแทน เนื่องด้วยค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าการเลี้ยงดูเด็ก โดยพบตัวเลขสูงสุดในกลุ่มมิลเลนเนียล และ Gen Z
🐶เลี้ยงสัตว์มีความยืดหยุ่นด้านค่าใช้จ่ายและเวลามากกว่า
นอกจากความน่ารักและนิสัยขี้อ้อนที่ทำให้ใครหลายคนตัดสินใจมีสัตว์เลี้ยงไว้เป็นเพื่อนสักตัว ‘ค่าใช่จ่าย’ ยังเป็นอีกสาเหตุหลักที่ทำให้หลายคนเลือกเลี้ยงสัตว์มากกว่าการมีลูก เพราะเมื่อเปรียบเทียบกันแล้วการดูแลเด็กสักคนให้เติบโตจำป็นต้องใช้ทั้งเวลาและต้นทุนเป็นมากกว่าหลายเท่าตัว ไม่ว่าจะเป็นค่าเหล่าเรียน และค่าสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในอนาคต
จากผลการสำรวจโดย USA Today ร่วมกับ OnePoll ระบุว่า เจ้าของสุนัขชาวอเมริกันมากกว่า 80% เลือกเลี้ยงสุนัขมากกว่ามีลูก โดยมีสาเหตุมาจากภาระค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงสุนัขน้อยกว่าการเลี้ยงเด็ก นอกจากนี้ข้อมูลสถิติจาก OneVet ที่ได้สำรวจค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเด็กและการค่าใช้จ่ายของสัตว์เลี้ยง ใน 20 รัฐ ของประเทศสหรัฐอเมริา ระบุไว้ว่า รัฐแมสซาชูเซตส์มีค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงเด็กสูงที่สุด อยู่ที่ 33,495 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณหนึ่งล้านบาท) ต่อปี ในขณะการเลี้ยงสัตว์สูงสุดอยู่ที่ 8,435 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณสามแสนบาท)
นอกจากนี้ ‘ข้อจำกัดด้านเวลา’ ยังเป็นสิ่งที่ทำให้พ่อแม่ยุคใหม่เลือกจะชะลอการมีลูกออกไป พ่อแม่ยุคจำนวนมากกังวลว่าอาจจะไม่มีเวลาเพียงพอที่จะเลี้ยงดูลูกโดยเฉพาะทารกแรกเกิดที่ต้องอาศัยการเลี้ยงดูและการสังเกตพัฒนาการทุกวัน ซึ่งเมื่อเทียบกับสัตว์เลี้ยงที่สามารถอยู่บ้านได้เองในเวลาที่พวกเขาออกไปทำงาน
🐱ผู้คนครองตัวเป็นโสดมากขึ้น และการมาถึงของกระแส Child-free
ค่านิยมและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของคนยุคใหม่ ทำให้ประชากรในหลายประเทศเลือกที่จะครองตัวเป็นโสดมากว่าการแต่งงานมีลูก หรือที่เรียกกันว่ากระแส Child-free
เช่นเดียวกับประเทศไทยจากผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุว่า ประชากรในกลุ่ม Gen Y อายุระหว่าง 22 - 42 ปี เลือกครองตัวเป็นโสด ไม่สมรส และไม่มีลูกกันมากขึ้น ติดต่อกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 - 2564 ซึ่งเกิดจากปัจจัยหลายด้านไม่ว่าจะเป็นค่าครองชีพ สภาพแวดล้อมทางสังคมและเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการมีลูก ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา หรือความปลอดภัยในชีวิต
สอดคล้องกับงานศึกษาของ East-West Center (องค์กรด้านการศึกษาและวิจัยโดยสภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกา) ที่ระบุไว้ว่า อัตราการเจริญพันธุ์จะลดลงเมื่อประเทศมีการเติบโตทางเศรษฐกิจน้อยและสภาพความเป็นอยู่ที่แย่
ด้วยเหตุนี้ การมีสัตว์เลี้ยงสักตัวเป็นเพื่อนหรือครอบครัว จึงกลายเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยเติมเต็มและสร้างความหมายในชีวิตของเหล่าคนโสดที่เปลี่ยวเหงาแต่ไม่พร้อมมีลูก
🐹น้องหมาน้องแมวช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้น
สำหรับใครหลายคน โดยเฉพาะเหล่าทาส เพียงแค่ได้เปิดดูคลิปน้องหมาน้องแมวหรือรูปสัตว์เลี้ยงน่ารัก ความเครียดที่เจอมาตลอดทั้งวันก็ค่อย ๆ หายไป แล้วแทนที่ด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ซึ่งที่ผ่านมามีผลงานวิจัยมากมายที่ยืนยันว่า สัตว์เลี้ยงมีส่วนช่วยเยียวยาจิตใจและเสริมสร้างอารมณ์ด้านบวกได้ จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ว่าทำไมหลายคนตัดสินใจเลี้ยงสัตว์ไว้เป็นเพื่อนหรือครอบครัว
จากการสำรวจในปี 2022 โดย The American Heart Association’s Healthy Bond for Life กลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงชาวอเมริกัน 1,000 รายระบุว่ามี 95% กล่าว ว่าสัตว์เลี้ยงช่วยบรรเทาความเครียดและทำให้รู้สึกเหงาน้อยลง รู้สึกกระฉับกระเฉงมากขึ้น 30% รู้สึกว่าชอบใช้เวลาว่างเล่นกับน้องหมาน้องแมวเพื่อคลายความเครียดมากกว่าการดูโทรทัศน์ และ 67% กล่าวว่าพวกเขาทุ่มเทกับความเป็นอยู่ของสัตว์เลี้ยงมากกว่ากว่าตนเองเสียอีก
ถึงอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ๆ การเลี้ยงสัตว์ ต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบ และความพร้อมในการเลี้ยงดู เพราะสัตว์เลี้ยงเองก็ต้องการได้รับความรัก และมีชีวิตจิตใจเช่นเดียวกันกับเรา