“หากตอนนี้เรายังไม่ลงมือทำอะไร ภาคนโยบายไม่มีการเตรียมความพร้อมรับมือเรื่องภาวะโลกเดือดอย่างชัดเจน โอกาสที่จะเจอกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบรุนแรงย่อมจะมีมากขึ้น จนอุณหภูมิโลกไม่สามารถที่จะหวนกลับคืนไปอย่างเดิมได้”
ที่ผ่านมา มีการพูดถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั่วโลกเก็บรวบรวมข้อมูลความเสี่ยงต่างๆ ทั้งภัยแล้ง อุณหภูมิผกผัน น้ำท่วม พายุ สร้างความเสียหายให้ต่อชีวิตและทรัพย์สินประชาชน โดย เยอรมันวอทช์ (Germanwatch) ซึ่งเป็นคลังสมองด้านสิ่งแวดล้อมของเยอรมนี รายงานว่าสภาพอากาศที่เลวร้ายเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ โดยเฉพาะสำหรับประเทศยากจนและมีความเสี่ยงสูง เช่นเดียวกับประเทศที่มีรายได้สูง ก็กำลังได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ต่างกัน ประเทศไทยถูกจัดอันดับอยู่ 1 ใน 10 อันดับต้นๆของโลก ที่เป็นประเทศที่มีความเสี่ยงต่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศในระยะยาว
จากแผนภูมิการเปรียบเทียบอุณภูมิเฉลี่ยรายปีของไทย ตั้งแต่ ปี 2563 - 2613 มีการคาดการณ์ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นภัยแล้งยาวนาน อุณหภูมิผกผัน พายุรุนแรงขึ้น อนาคตอุณภูมิเฉลี่ยรายปีของไทยซึ่งมากกว่า 29 องศาเซลเซียส คาดว่าจะขยายวงกว้างในแถบภาคกลาง ภาคตะวันออก หรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงภาคใต้เกือบทั้งหมด
“ปัจจุบันอุณหภูมิสบายอยู่ในระดับเฉลี่ยค่าทั้งปี ไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส หรือต่ำกว่านั้น แต่ในอนาคตหากสถานการณ์ภาวะโลกร้อนไม่เปลี่ยน ก๊าซเรือนกระจกของโลกยังเพิ่มปริมาณมากขึ้น เราจะเห็นสภาพของประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับอุณหภูมิเฉลี่ยรายปีครอบคลุมกว่าค่อนประเทศ มากกว่า 29 องศาแน่นอน”
นอกจากนี้มีการคาดการณ์ว่า เมื่ออุณหภูมิเฉลี่ยโลกของประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้น 1.5 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของความตกลงปารีส จำนวนวันแห้งแล้งในไทยจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 สะท้อนว่าจะมีวันแล้ง ฝนไม่ตก เผชิญคลื่นความร้อนเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 2.6 ในขณะที่ความรุนแรงจากอุทกภัยเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3 แต่ถ้าอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มอีก 3 องศา ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้สูง หากประชาคมโลกไม่ร่วมมือกัน เพื่อมีเจตจำนงที่แน่วแน่ในการลดก๊าซเรือนกระจกในอนาคต จำนวนวันแห้งแล้งเมื่ออุณหภูมิเฉลี่ยของโลกอยู่ที่ 3 องศาเซลเซียสมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10 ส่วนความรุนแรงจากอุทกภัยจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 13
การคาดการณ์สะท้อนว่าระยะยาวของไทย นอกจากต้องเผชิญความแห้งแล้ง ภัยที่สลับขั้วกันมากขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 21 ระดับน้ำทะเลของไทยจะเพิ่มขึ้น 2.3 เมตร เมื่ออุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกเพิ่มขึ้นมากกว่า 5 องศาเซลเซียส ไปจนถึง 4.3 องศาเซลเซียส คาดว่าประเทศไทยจะเจออิทธิพลของพายุหมุนเขตร้อนในภูมิภาค เพิ่มขึ้นเป็น 130% มีความรุนแรงของปริมาณฝนที่ตกหนักและการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล
ยกตัวอย่างกรณีศึกษาของกรีนพีซที่ศึกษาข้อมูลเมืองต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชีย อาทิ ฮ่องกง จากาตาร์ เซี่ยงไฮ้ โตเกียว และไทเป รวมถึงกรุงเทพมหานคร ชี้ให้เห็นถึงความเปราะบางของเมืองที่เกิดจากน้ำท่วมที่รุนแรง โดยไม่ได้มาจากการเพิ่มระดับของน้ำทะเลอย่างเดียว เมืองที่เสี่ยงจมน้ำเนื่องจากดินอ่อน การขยายเมือง และการทรุดตัวของแผ่นดิน รวมถึงอิทธิพลของน้ำเหนือ อิทธิพลของน้ำฝน และอิทธิพลของน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะปี 2573 หากสถานการณ์ยังคงมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเข้มข้นมากกว่า 96% ของพื้นที่กรุงเทพฯ ย่อมมีความเสี่ยงต่อภาวะน้ำท่วมเมือง
ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ก็มีความเกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศโดยตรง เพราะมลพิษทางอากาศที่เผชิญอยู่ทุกวัน เป็นสองด้านของเหรียญเดียวกันกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ การปล่อยมลพิษ หรือสารมลพิษต้นกำเนิดก๊าซเรือนกระจก เป็นส่วนหนึ่งที่มาเพิ่มความเข้มข้นของมลพิษที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของเราในชั้นบรรยากาศ
“การดำเนินงานของไทยกับการรับมือ จะเห็นนโยบายหลายชิ้นมีแผนปรับตัวควบคู่แผนลดการลดก๊าซเรือนกระจก รวมถึงยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ ซึ่งไทยได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutrality ภายในปี 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Emissions ภายในปี 2065 กลายเป็นแนวโน้มหลักในการที่จะทำให้ประเทศต่าง ๆ ได้ต่อกรกับสภาพวิกฤตภูมิอากาศ”
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของประเทศภาคีภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไทยมีความพยายามเข้าไปอยู่ในเวทีโลกเพื่อแสดงให้เห็นศักยภาพและความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหาเรื่องสภาพภูมิอากาศโลกอย่างจริงจัง เน้นแก้ปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้น แต่ทั้งนี้ยังขาดนโยบายระดับชาติ รวมถึงแผนปฏิบัติการที่ขาดมิติสำคัญ คือเรื่องความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศ ซึ่งไม่มีการกล่าวถึงในแผนปฏิบัติการนโยบายระดับชาติของรัฐบาลไทย ในขณะที่ในเวทีโลก มีการพูดคุยมายาวนานถึงความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศ
“ความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศ คือการรับรองถึงสิทธิของชุมชนที่พึ่งพาอาศัยฐานทรัพยากรธรรมชาติในการดำรงชีวิต สืบทอดวัฒนธรรม ความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศรับรองสิทธิในการจัดการทรัพยากรในวิถีทางที่ยั่งยืน โดยชุมชนเป็นผู้นำในการจัดการ และความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศจะยืนหยัดต่อสู้กับการแปลงทรัพยากรธรรมชาติ ”
จากการวิเคราะห์ของกรีนพีซ พบว่าประเทศสามารถปลดระวางถ่านหินให้หมดไปภายในปี 2580 หรือภายในปี 2570 โดยที่เรายังมีไฟฟ้าสำรองใช้ได้โดยไม่กระทบเรื่องความมั่นคงทางพลังงาน สิ่งที่เกิดขึ้นคือแม้รัฐบาลไทยจะประกาศลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero แต่กลับยังอนุมัติขยายโรงไฟฟ้า แม่เมาะ จังหวัดลำปางเข้ามาทดแทนโรงไฟฟ้าเดิมที่หมดอายุ สะท้อนความย้อนแย้งนโยบายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นศูนย์ของไทย
เช่นเดียวกับความย้อนแย้งในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของไทย ปี 2561 – 2580 ที่ตั้งเป้ามุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ และปรับปรุงการจัดการระบบภายใต้ภัยพิบัติทั้งระบบให้ทันสมัย ลดความสูญเสีย ความเสียหายจากภัยพิบัติ และลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรกับสุขภาพ แต่กลับพบว่ามีหลายโครงการเข้าไปพัฒนาพื้นที่ต่าง ๆ ทุกภูมิภาค หรือการขยายตัวของโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ แม้กำลังไฟฟ้าจะล้นเหลืออยู่ก็ตาม สะท้อนความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศ ความเหลื่อมล้ำที่เห็นได้ชัด ช่องว่างที่เกิดขึ้นคือการมีนโยบายแต่สวนทางกับการปฏิบัติ
ธารา บัวคำศรี ระบุ สังคมต้องตั้งเป้าว่า ตั้งแต่หมุดหมายแรกของการทำแผน Net Zero ของไทย จนถึงหมุดหมายสุดท้าย ยังคงมี “การฟอกเขียว” ที่มีกลลวงของคาร์บอนต้องอาศัยการสร้างศักยภาพของประชาชนในการตรวจสอบ เพื่อรับรองว่าแหล่งที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่ไม่ใช่ประชาชนทั่วไป พุ่งเป้าไปที่ระบบห่วงโซ่อุปถัมภ์ทั้งหมด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ต้นเหตุแหล่งกำเนิดที่แท้จริง และหยุดผลักภาระให้กับประชาชนซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบอย่างโดยตรง
รัฐบาลต้องแสดงบทบาทและความจริงใจของการแก้วิกฤติสภาพภูมิอากาศให้ชัดเจน ควบคู่ไปกับการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม จัดตั้งชุมชมเพื่อความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศ เพื่อทำงานขับเคลื่อนร่วมกันภายใต้กลไกของรัฐบาล ให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง เพราะทุกวันนี้อุณหภูมิเฉลี่ยระยะยาวของไทย 1.3 องศา ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยของโลก 1.2 องศา หากยังไม่ลงมือทำอะไร ไม่มีนโยบายเรื่องนี้อย่างชัดเจน โอกาสที่มนุษย์ต้องเจอวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบรุนแรงจะมากขึ้น จนไม่สามารถหวนกลับคืนดังเดิมได้
ชมย้อนหลัง DxC Talk 24 Experts ตอน "ก่อน 29 องศา" เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2566