ALTV All Around
ALTV News
บทความอื่นจาก Thai PBS
ALTV All Around
ALTV News
บทความ Thai PBS
4 พรรคการเมือง มั่นใจ สภาฯ พิจารณาไม่ช้า ขอ ครม.เร่งส่งร่างฯ รัฐบาล นำทาง
แชร์
ฟัง
ชอบ
4 พรรคการเมือง มั่นใจ สภาฯ พิจารณาไม่ช้า ขอ ครม.เร่งส่งร่างฯ รัฐบาล นำทาง
23 ก.พ. 68 • 16.10 น. | 207 Views
ขนาดอักษร : กลาง
ALTV CI

(22 ก.พ. 2568) สภาองค์กรของผู้บริโภค ร่วมกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) และศูนย์สื่อสาธารณะเพื่อเด็กและการเรียนรู้ ไทยพีบีเอส เปิดเวทีเสวนาสาธารณะ เรื่อง การสร้างวิสัยทัศน์ร่วมเพื่อกำหนดทิศทางการศึกษาไทย : ร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... ฉบับใหม่” นำเสนอเนื้อหาของ ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ฉบับใหม่ จาก 4 พรรค ได้แก่ พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาชน และพรรครวมไทยสร้าง รวมทั้งฉบับของสภาการศึกษาที่จะเป็นผู้เสนอร่างฉบับรัฐบาล

“พรรคภูมิใจไทย” เน้น “ทั่วถึง เท่าเทียม และทันยุค”

สฤษดิ์ บุตรเนียร จากพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า จุดแตกต่างของร่างพระราชบัญญัติที่พรรคภูมิใจไทยเสนอ คือ การให้ความสำคัญกับ ความทั่วถึง เท่าเทียม และทันยุค คือทำให้ทุกกลุ่มเป้าหมายของผู้เรียนสามารถเข้าถึงการศึกษาได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนในเมืองหรือชนบท เพราะในปัจจุบันความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในพื้นที่ต่างๆ ยังคงสูงมาก ความทันยุคเป็นประเด็นสำคัญ หากยังยึดติดกับระบบปริญญาเพียงอย่างเดียว อาจทำให้ผู้เรียนไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดแรงงานได้ ร่างฯ ของพรรคภูมิใจไทย จึงให้ความสำคัญกับการศึกษาสายอาชีวะ ระบบทวิภาคี และการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น  รวมทั้งมุ่งเน้นทักษะการเรียนรู้ ทักษะอาชีพ และทักษะชีวิต

“การขีดเส้นอายุช่วงวัยปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงมาก สมัยก่อนจบปริญญาตรีแล้วจึงไปหางานทำ แต่ทุกวันนี้เด็ก 10 ขวบก็สามารถเรียนรู้และเข้าสู่ตลาดแรงงานได้ด้วยตัวเอง หากกำหนดช่วงอายุของผู้เรียน เช่น 0-1 ปี หรือ 1-3 ปี อาจไม่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบันที่ควรคำนึงถึงความเท่าเทียมและความทันยุค”

“พรรคเพื่อไทย” ยึดแนวทางการศึกษาตาม พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542

ดร.เทอดชาติ ชัยพงษ์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จุดเด่นของร่างกฎหมายที่พรรคเพื่อไทยเสนอ ยังคงยึดแนวทางการศึกษาตาม พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ซึ่งแบ่งการศึกษาออกเป็น 3 รูปแบบ 4 ระดับ 5 ประเภท โดย 3 รูปแบบ ได้แก่ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย  4 ระดับ ได้แก่ ระดับเด็กเล็ก ปฐมวัย พื้นฐาน อุดมศึกษา และ 5 ประเภท ได้แก่ การศึกษาสายสามัญ อาชีวะ เฉพาะทาง ทางเลือก และการศึกษาตลอดชีวิต 

"สิ่งแรกที่สถานศึกษาต้องมีคือนักเรียนและครู ซึ่งใน ร่างนี้จะทำให้วิชาชีพครูดีขึ้น มีวิทยฐานะตามผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน และให้โรงเรียนเป็นผู้ประเมิน โดยบุคคลที่อยู่ใกล้ชิดครูที่สุดอย่างผู้อำนวยการโรงเรียนจะเป็นผู้ประเมินวิทยฐานะระดับ "ชำนาญการ" และ "ชำนาญการพิเศษ" ซึ่งจะอยู่ภายใต้การพิจารณาของสถานศึกษาเอง ไม่ต้องส่งเรื่องไปยังส่วนกลาง ส่วนวิทยฐานะระดับ "เชี่ยวชาญ" จะได้รับการประเมินในระดับเขตพื้นที่การศึกษา และระดับ "เชี่ยวชาญพิเศษ" จะได้รับการพิจารณาโดยคณะกรรมการส่วนกลาง"

นอกจากนี้ ร่างกฎหมายยัง ให้อำนาจสถานศึกษาในการบริหารบุคคล งบประมาณ และทรัพยากรของตนเอง เพื่อให้สถานศึกษามีความเป็นนิติบุคคลอย่างสมบูรณ์ ส่วนงานวิชาการ เช่น หลักสูตรการเรียนการสอน ยังคงมีแนวทางที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันในกรอบหลักสูตร การจัดการศึกษาในแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกันตามบริบทของแต่ละภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน หรือภาคกลาง ซึ่งต้องมีการปรับให้สอดคล้องกับพื้นที่ของตนเอง อย่างไรก็ตาม ควรมีกรอบใหญ่ที่กำหนดทิศทางร่วมกัน

ในส่วนของกองทุนหลักเพื่อสนับสนุนการศึกษา มี 5 กองทุน ได้แก่ กองทุนเสมอภาคโอกาสทางการศึกษา เป็นกองทุนหลัก, กองทุนครูดีของแผ่นดิน, กองทุนเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้, กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) และกองทุนกู้ยืมดอกเบี้ยต่ำสำหรับภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา

การศึกษาเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงเด็กในครรภ์ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.), กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข และในช่วงปฐมวัย (6 ขวบขึ้นไป) มีกระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักในการกำกับดูแล ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และยังเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนหรือภาคประชาชนสามารถจัดการศึกษาแบบทางเลือกได้ นอกจากนี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ กสทช. มีหน้าที่จัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนสถานศึกษาให้สามารถเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี เช่น การให้ความถี่อินเทอร์เน็ตฟรี จัดหาแท็บเล็ต หรือพัฒนาระบบเครือข่ายเพื่อให้ทุกโรงเรียนมีโอกาสเรียนรู้ที่เท่าเทียมกัน

มีการตั้งคณะกรรมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อวางแผนกำลังคนและแนวทางการผลิตบัณฑิตที่ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน เช่น การกำหนดจำนวนและสาขาการเรียนของอาชีวศึกษา มีการพัฒนาระบบการฝึกอบรมและพัฒนาครู โดยต่อยอดจากสถาบันพัฒนาครูและบุคลากรเดิม ให้มีบทบาทที่ชัดเจนขึ้น โดยต้องมีการจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายการศึกษาชาติ โดยมีนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนจากกระทรวงต่าง ๆ เป็นกรรมการร่วม เพื่อดูกรอบนโยบายการศึกษาในภาพรวมทั้งหมด เพื่อให้เด็กไทยเป็นคนดี คนเก่ง และมีความสุข

“พรรครวมไทยสร้างชาติ” เสนอ รื้อ ลด ปลด สร้าง”

ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า หัวใจหลักของ พ.ร.บ. การศึกษา ฉบับรวมไทยสร้างชาติ คือการศึกษาที่ตอบโจทย์ทุกภาคส่วน ทั้งผู้ประกอบการ พื้นที่ และที่สำคัญคือตัวผู้เรียนเอง ผ่านกระบวนการ “รื้อ ลด ปลด สร้าง” 

ประเด็นแรก รื้อ กฎหมาย เพราะจำเป็นต้องมีการปรับปรุงและพัฒนาโดยเน้นเฉพาะจุดที่สามารถแก้ไขร่วมกันได้ เนื่องจากกฎหมายการศึกษาฉบับปัจจุบันยังมีส่วนที่ดีและไม่ล้าสมัยในบางเรื่อง ดังนั้นการปรับปรุงจะมุ่งเน้นไปที่หลักการที่สามารถพัฒนาร่วมกัน เช่น การแก้ไขมาตรา 7 (8) และ (9) รวมถึงมาตรา 8 เพื่อเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตรและถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับนักเรียน

ประเด็นที่สอง ลด ภาระงานครูในการประเมินผลการปฏิบัติงาน เพื่อให้ใช้เวลากับสิ่งสำคัญคือการถ่ายทอดองค์ความรู้แก่นักเรียนนักศึกษา ไม่เน้นการทำงานรายงาน การทำวิจัย แต่เน้นประสิทธิภาพในการสอน ประเด็นที่สาม ปลด ล็อกการพัฒนาศักยภาพที่นอกเหนือจากด้านวิชาการของผู้เรียน เพราะเด็กทุกคนไม่ได้ต้องการเป็นนักวิชาการหรือครู แต่ต้องการพัฒนาในเส้นทางของตัวเอง และประเด็นสุดท้าย สร้าง ระบบการเรียนการสอนที่ตอบโจทย์ผู้เรียน ความต้องการของพื้นที่และภาคธุรกิจ โดยมีการแก้บางมาตราเพื่อให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมงานกันได้

“จากการสอบถามพบว่าคุณสมบัติที่ SMEs ต้องการคือความซื่อสัตย์ เพราะกลไกในองค์กรยังเป็นแบบครอบครัว และไม่มีระบบตรวจสอบมากนัก แต่ในส่วนของธุรกิจขนาดใหญ่ พบว่าผู้บริหารต้องการผลประกอบการที่ดีที่สุด เพราะมีระบบการทำงานที่น่าเชื่อถืออยู่แล้ว”

นอกจากนี้ ยังเสนอ การพัฒนาหลักสูตรตามบริบทพื้นที่ ที่มีจุดแข็งที่แตกต่างกัน เช่น การท่องเที่ยวหรือการเกษตร ส่วนหลักสูตรกลางควรเสริมเนื้อหาที่ช่วยเพิ่มศักยภาพให้ผู้เรียนสอดคล้องกับโอกาสในพื้นที่ เช่น เสริมความรู้ทางภาษาและการบริการในจังหวัดที่มีจุดเด่นในการท่องเที่ยว เพื่อให้นักเรียนสามารถทำงานหรือหารายได้เสริมได้เลย โดยเชื่อว่าหากหลักสูตรสามารถตอบสนองทั้งความต้องการของภาคธุรกิจและจุดแข็งของพื้นที่ ก็จะเป็นการตอบโจทย์ผู้เรียนไปพร้อมกัน ทำให้สามารถพัฒนาศักยภาพได้เต็มที่ และกลายเป็นบุคลากรที่มีคุณค่าต่อประเทศ

“พรรคประชาชน” เน้นตอบโจทย์ผู้เรียน 5 ด้าน

ปารมี ไวจงเจริญ พรรคประชาชน กล่าวว่า พ.ร.บ. ฉบับพรรคประชาชนเน้นตอบโจทย์ผู้เรียนใน 5 ด้านหลัก กล่าวคือ สิทธิและสวัสดิการด้านการศึกษา เพราะทุกคนมีสิทธิและโอกาสเสมอกันในการได้รับการศึกษาอย่างน้อยตั้งแต่แรกเกิดจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐานหรือเทียบเท่า โดยรัฐต้องจัดหรืออุดหนุนให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย และโดยไม่เลือกปฏิบัติด้วยเชื้อชาติ ชาติพันธุ์ เพศ สถานะทางสังคม สถานะทางเศรษฐกิจ หรือความเชื่อทางศาสนา และสถานศึกษาของรัฐต้องไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่าย ค่าธรรมเนียม ค่าบำรุงรักษาหรือค่าใช้จ่ายประเภทอื่นจากผู้เรียน

ส่วนอีก 4 ด้านคือ ครูและบุคลากรทางการศึกษา, หลักสูตร, โรงเรียนปลอดภัย มีระบบนิเวศที่ดี และสุดท้ายกระทรวงศึกษาธิการที่ตอบโจทย์ผู้เรียน

“จากการเปิดเวทีพบว่าบางท่านแสดงความคิดเห็นว่าร่าง พ.ร.บ. ของเราละเอียดไป แต่เนื่องจากบางประเด็นถ้าเขียนไม่ละเอียดอาจจะมีการบิดได้ จึงต้องลงรายละเอียดให้ชัดเจน เช่น การเรียนฟรีนั้นมีอะไรบ้าง”

ส่วนในเรื่องหลักสูตรจะมีการกำหนดกรอบ 3 กรอบ คือ กรอบหลักสูตรการศึกษา กรอบหลักสูตรพื้นที่ และหลักสูตรสถานศึกษา เพื่อให้มีความยืดหยุ่นในแต่ละพื้นที่ แต่ละชั้นเรียน ปรับให้เหมาะสมกับผู้เรียน โดยต้องมีการมีส่วนร่วมของผู้เรียน และมีการ ทบทวนเพื่อปรับปรุงกรอบหลักสูตรการศึกษา ทุก 5 ปี โดยสิทธิผู้ปกครองและการศึกษาทางเลือกก็มีเขียนไว้ ซึ่งภาครัฐต้องสนับสนุนการศึกษาทางเลือกให้มากขึ้นด้วย

“สภาการศึกษา” เผย ร่างฯ ฉบับรัฐบาล ใช้ข้อเสนอของคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา ปี 2560 

ณัฐิกา นิตยาพร ผู้อำนวยการกลุ่มนิติการ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวว่า พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่ของรัฐบาลจะใช้ ฉบับที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ฉบับที่ 660/2564 ซึ่งประกอบด้วย 7 หมวด และ 110 มาตรา ถือว่าเป็นกฎหมายที่มีรายละเอียดค่อนข้างมาก ซึ่งปัญหาในปัจจุบันนี้ต้องใช้หลายศาสตร์วิชามาบูรณาการเพื่อแก้ไข ออกแบบแนวทางให้สอดคล้องกับความต้องการและความท้าทายของโลกปัจจุบัน 

“คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษาได้รับภารกิจตามรัฐธรรมนูญปี 2560 ให้ดำเนินการปฏิรูปการศึกษา โดยนำโจทย์ความท้าทายต่างๆ มาพัฒนาเป็นร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ เมื่อพิจารณาถึงเป้าหมายของประเทศ เราต้องการให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน รวมถึงก้าวไปสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว”

นอกจากนี้ ยังต้องดูความสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในเรื่อง “คนที่มีสมรรถนะสูง”โดยมีการพัฒนาตามช่วงวัยในทุกช่วงวัย ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วย และการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยข้อมูลที่เป็นความจริงที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ โดยเป้าหมายการศึกษาตามรัฐธรรมนูญต้องการคนดี มีความสมดุลด้านวิชาการและการใช้ชีวิต รวมถึงมีความรู้ที่ลึกซึ้งและนำมาประยุกต์เพื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้อยู่ได้อย่างมีความสุข ภายใต้อัตลักษณ์ของความเป็นไทยเพื่อเพิ่มมูลค่าได้

หนึ่งในประเด็นสำคัญของ พ.ร.บ. ฉบับใหม่ คือ การยกระดับคุณภาพการศึกษาและลดความเหลื่อมล้ำ แม้ว่าปัจจุบันทุกคนจะสามารถเข้าถึงการศึกษาได้ แต่คุณภาพของการศึกษายังคงมีความเหลื่อมล้ำสูง ทำให้เกิดปัญหาความไม่เท่าเทียมทางโอกาสทางการเรียนรู้ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไข อีกประเด็นที่สำคัญคือ การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน และโครงสร้างของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งอาจจะมีกลไกที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทรัพยากรทางการศึกษา ภายใต้หลักการสำคัญคือความยืดหยุ่น หลากหลาย และเท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลง เป็นหลักการของ พ.ร.บ. ฉบับใหม่ ภายใต้กรอบของคณะกรรมการอิสระ 

พรรค ปชน. ขอ ครม.เร่งเสนอร่างฯ ฉบับรัฐบาล เปิดทางสภาฯ พิจารณาร่างฯ ให้ทันชุดปัจจุบัน

ในเวทีเสวนาสาธารณะ ยังมีการนำเสนอประเด็นข้อกังวลว่า การพิจารณาร่างฯ จะล่าช้าหรือไม่ เพราะต้องพิจารณาทั้ง 5 ร่าง และแต่ละร่างก็มีเนื้อหาและจุดเน้นในสาระสำคัญที่แตกต่างกัน

สฤษดิ์ บุตรเนียร จากพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ก่อนที่จะเสนอร่าง พ.ร.บ. นี้ ได้มีการพูดคุยกันในส่วนของคณะกรรมาธิการการศึกษาของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว โดยเห็นว่าว่าหากแต่ละฝ่ายเสนอร่างแยกกัน อาจเกิดความขัดแย้งได้ จึงมีการพยายามพูดคุยร่วมกันก่อน เชื่อว่าถ้าเข้าสู่สภาแล้วน่าจะผ่านได้อย่างรวดเร็ว 

ด้าน ดร.เทอดชาติ ชัยพงษ์ จากพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เมื่อเข้าสู่สภาแล้วจะมีกรรมาธิการวิสามัญร่วมที่จะถกเถียงประเด็นสำคัญ สภามีวาระ 4 ปี และขณะนี้ยังเหลือเวลาดำเนินการอีกกว่า 2 ปี หากสามารถนำร่างกฎหมายเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในสมัยนี้ได้ และตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณา ก็อาจมีโอกาสผลักดันต่อในสมัยหน้า อย่างไรก็ตาม มีความเห็นต่อคำชี้แจงของผู้แทนสภาการศึกษาที่นำเสนอร่างฯ ฉบับรัฐบาลว่า อาจต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ถ้าจะยึดร่างที่เคยถูกตีตกไปเมื่อปี 2566 ซึ่งมีหลายเรื่องยังเป็นประเด็นอยู่

ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า คนเราเพิ่งแต่งงานกัน คงไม่มีใครมานั่งคิดว่าจะหย่าวันไหนดี เพราะถ้าคิดแบบนั้น ชีวิตคงไปได้ยาก โดยตั้งแต่ที่คุยกันมายังแทบไม่เจอเรื่องที่ขัดแย้งกันจริง ๆ เลย เพียงแค่แต่ละพรรคการเมืองหรือแต่ละร่าง พ.ร.บ. มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน เพียงแต่มีความแตกต่างกันในแต่ละรายละเอียด ซึ่งจะพยายามเต็มที่ให้ร่างกฎหมายนี้ที่จะออกมาตอบโจทย์ทุกฝ่าย 

ปารมี ไวจงเจริญ พรรคประชาชน กล่าวว่า เชื่อว่าโครงการนี้จะสามารถดำเนินการได้ทันเวลา เนื่องจากทุกพรรคการเมืองเห็นถึงความเร่งด่วนของวิกฤตการศึกษาในปัจจุบัน และ พ.ร.บ. การศึกษาจะเป็นกลไกสำคัญในการแก้ไขปัญหานี้ 

แต่เนื่องจากระบบการเมืองของไทยมีกระบวนการพิจารณากฎหมายที่กำหนดให้ ร่างกฎหมายฉบับของคณะรัฐมนตรีเป็นตัวนำ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความรวดเร็วของกระบวนการนี้ จึงขอสอบถามตัวแทนสภาการศึกษาว่าอยู่ในขั้นตอนใด หาก ครม.สามารถอนุมัติร่าง และเข้าสู่การพิจารณาในสมัยประชุมสภาฯ ที่เหลืออยู่ก่อนปิดประชุมต้นเดือนเมษายน ก็ยังมีเวลาประมาณหนึ่งเดือนสำหรับการดำเนินการ

ณัฐิกา นิตยาพร ผู้อำนวยการกลุ่มนิติการ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจในการเสนอร่าง พ.ร.บ. แม้ว่าจะเคยถูกตีตกหรือสะดุดหลายครั้ง แต่ก็ยังคงเดินหน้าผลักดันให้เข้าสู่กระบวนการพิจารณา ซึ่ง ล่าสุดได้มีการเสนอร่างเข้าสู่กระบวนการแล้ว ขณะนี้ร่างดังกล่าว อยู่ในขั้นตอนของสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยมีการส่งเวียนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาและให้ความเห็น เจ้าหน้าที่กำลังสรุปข้อมูลหลังจากได้รับเอกสารที่เกี่ยวข้อง ส่วนตัวคาดว่าอาจมีความคืบหน้าในเดือนหน้า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการหารือและข้อตกลงของวิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้าน และวิปอื่น ๆ ว่าจะให้ความสำคัญกับร่างฉบับนี้เพียงใด และจะกำหนดไทม์ไลน์อย่างไรเพื่อให้กระบวนการเดินหน้าได้อย่างราบรื่น โดยมีแนวโน้มสูงที่ร่างจะถูกส่งเข้าสู่การพิจารณาในสภาโดยตรง

แท็กที่เกี่ยวข้อง
#พรบการศึกษา, 
#นโยบายการศึกษา 
ผู้เขียนบทความ
avatar
กองบรรณาธิการ ALTV
ALTV CI
ข่าว ALTV
ข่าว ALTV
ALTV News
ผู้เขียนบทความ
avatar
กองบรรณาธิการ ALTV
แท็กที่เกี่ยวข้อง
#พรบการศึกษา, 
#นโยบายการศึกษา 
แชร์
ฟัง
ชอบ
ติดตามเรา