“ปีศาจนิโคบอท” เป็นญาติกับ “ปีศาจควันโทโทบาโค” กำลังพยายามหลอกให้เด็กๆ สูบยา พวกมันใช้ตุ๊กตาตัวการ์ตูนของเล่น เช่น โดราเอมอน หลอก “เจ้าวัวน้อย” และเพื่อนๆ แต่วัวน้อยและเพื่อนๆ มองแล้วรู้สึกแปลก เพราะตุ๊กตาที่ปีศาจนิโคบอทเชิญชวน มี หลอดบนหัว ในที่สุดวัวน้อยและเพื่อนๆ ก็รู้ว่า ตุ๊กตาหน้าตาประหลาด นั้น คือ “ทอยพอด” หรือ บุหรี่ไฟฟ้าที่มีอันตราย วัวน้อยและเพื่อนๆ จึงร้องบอกว่า “ไม่เอาทอยพอด”
เรื่องเล่าข้างต้นนี้ คือส่วนหนึ่งของเนื้อหาจากหนังสือนิทานเรื่อง “หูไวตาไว” หนึ่งใน ชุดนิทานเตือนภัยบุหรี่ไฟฟ้า “เด็กปลอดพอด” ที่ได้รับการสนับสนุนจาก แผนงานยุทธศาสตร์สร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มีทั้งหมด 7 เล่ม ได้แก่ อีเล้งเค้งโค้ง พับปลอดพอด, หูไวตาไว, ชัยชนะของแมวน้อย, ขบวนการปราบทอยพอด, มาร์แมนกับยายเช้า ตอนปราบปีศาจบุหรี่ไฟฟ้า, เด็กชายกับสหายผู้ปกป้อง, และความลับของบริษัทดำมืด
ในสถานการณ์ที่ บุหรี่ไฟฟ้า หรือ ทอยพอด กำลังเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ขึ้น เพราะมันได้ขยาย พื้นที่อันตราย ลงไปถึงระดับเด็กปฐมวัย (0-6 ขวบ) การรอผลจากมาตรการปราบปรามจากภาครัฐอาจไม่ทันการณ์ ดังนั้น การ สร้างความตระหนักรู้ให้แก่เด็กๆ เพื่อเป็นเกราะกำบังและพาตัวเองหนีพ้นจากอันตรายได้เบื้องต้น จึงเป็นอีกทางหนึ่งที่หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องพยายามผลักดันให้เกิดขึ้น หนึ่งในนั้นคือการทำหนังสือนิทานชุดนี้
สุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานยุทธศาสตร์สร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. กล่าวว่า ที่มาของการทำหนังสือนิทานทั้ง 7 เล่มนี้ เกิดจากการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดของผู้ผลิตบุหรี่ไฟฟ้า ด้วยการสร้างภาพลักษณ์ใหม่เพื่อเจาะตลาดกลุ่มวัยรุ่นและลงไปถึงเด็กเล็ก สสส.ซึ่งมีภารกิจส่งเสริมองค์ความรู้เพื่อสุขภาวะที่ดี จึงปรับยุทธศาสตร์การทำงานให้เป็นเชิงรุก ด้วยการใช้หนังสือและกิจกรรมการอ่านพัฒนาเด็กปฐมวัย
“เริ่มจากโจทย์ว่า เมื่อมันเริ่มรุกคืบมาที่เด็ก สื่อนิทานจะมีโอกาสได้ช่วยมากน้อยแค่ไหน เพราะดูข้อมูลแล้วก็น่าตกใจมาก เราทำงานกับกลุ่มเด็กเล็ก ต้องลุกขึ้นมาปกป้องเด็กและเยาวชนของเรา ยิ่งเรามีสื่อที่แข็งแรงอยู่แล้ว เชื่อมั่นว่า ตัวเนื้อหาจะช่วยเด็กๆ ได้รู้เท่าทันด้วย”
และล่าสุดที่มีข่าวพ่อแม่ให้เด็กอายุ 2-3 ขวบ สูบทอยพอด ทำให้เชื่อมั่นว่า สิ่งที่กำลังทำมาถูกทาง และไม่ยากเกินไปสำหรับเด็กปฐมวัยที่จะเรียนรู้ เพราะด้วยตัวของหนังสือนิทานหรือหนังสือภาพเองที่ตอบสนองการเรียนรู้ของเด็กอยู่แล้ว
และยังสอดคล้องกับ ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมของแบนดูรา ที่พบว่า เด็กเรียนรู้พฤติกรรมจากการใช้ตัวแบบสัญลักษณ์ และทุกสิ่งทุกอย่างในสังคม เช่น หากเด็กอยู่กับพ่อแม่ที่สูบบุหรี่ เขาก็จะไม่รู้สึกว่าบุหรี่เป็นของแปลกปลอม เพราะพบเห็นอยู่แล้ว เมื่อเด็กกลุ่มนี้โตขึ้น โอกาสจะสูบบุหรี่ตามพ่อแม่ ก็จะสูงตามไปด้วย
สุดใจ ยังยกประสบการณ์การใช้หนังสือเพื่อสร้างการเรียนรู้ให้กับเด็กในพื้นที่ภาคใต้ในช่วงที่โรคหัดระบาด โดยหลังจากสุ่มเอาหนังสือไปมอบในพื้นที่ๆ มีการระบาด พบว่า อัตราเด็กฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น และผู้ปกครองก็ให้ความสนใจเรื่องนี้มากขึ้น
“เช่นเดียวกัน เราก็เชื่อมั่นว่า หนังสือชุดนี้ที่ออกมาอย่างน้อยต้องเตือนภัยคนใกล้ตัวเด็กเล็ก เช่น ครูศูนย์เด็กที่ยังไม่รู้จักเลย แม่ที่ยังไม่รู้จักบุหรี่ไฟฟ้า เพราะท้ายเล่มจะมีข้อมูลบอกว่าบุหรี่ไฟฟ้าทำลายสมองเด็กอะไร อย่างไรบ้าง”
สุดใจ ระบุว่า หนังสือชุดนี้ เหมาะสำหรับเด็ก 2 กลุ่มวัย คือ กลุ่มเด็กปฐมวัย และ กลุ่มเด็กประถมศึกษาตอนปลาย ส่วนจุดเด่นของหนังสือเล่มแรก “อีเล้งเค้งโค้ง พับปลอดพอด” ระบุว่า เล่มนี้ไม่ใช่นิทาน แต่เป็นหนังสือชวนคิด ชวนสังเกต ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้และเข้าใจ
จากการสำรวจผลของการใช้หนังสือเล่มนี้ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และเด็กช่วงชั้นประถมศึกษา มีทั้งเชียงใหม่ กทม. ลำพูน อำนาจเจริญ จากกลุ่มตัวอย่างประมาณ 260 คน พบว่า เด็กสามารถเปรียบเทียบได้ว่า อะไรมีประโยชน์ อะไรไม่มีประโยชน์ เด็กรู้ว่าพอดเป็นโทษต่อร่างกายแน่นอน เด็กแยกความแตกต่างระหว่างทอยพอดกับตุ๊กตาธรรมชาติได้ เขารู้ว่ามันมีหลอด
“เด็กบางคนสามารถเชื่อมโยงและตั้งข้อสังเกตได้ ถ้าครูเอานมกล่องมาและมีหลอดดูด ก็จะถามครูว่าหลอดดูดปลอดภัยไหม ครูตรวจสอบให้หน่อย ไม่ใช่ทอยพอดใช่ไหม หนูกลัวมันมาก”
ในช่วงปฐมวัยยังมีเรื่อง “ชัยชนะของแมวน้อย” และ “หูไวตาไว” โดยเล่มหลังนี้ได้รับรางวัลชมเชยในการประกวดหนังสือดีเด่นประจำปีของปีนี้ด้วย เนื้อหาสื่อสารว่า ให้เด็กสังเกตเป็นว่าทอยพอดเป็นยังไง แยกให้ออกระหว่างตุ๊กตาน่ารัก กับทอยพอดที่อันตราย
ส่วนช่วงอายุ 7-9 ปี คือเรื่อง “มาร์สแมนกับยายเช้า ตอน ปราบปีศาจบุหรี่ไฟฟ้า” และ “ความลับของบริษัทมืดดำ” เนื้อหาเล่าถึงแผนโหดร้ายของบริษัทบุหรี่ ที่คิดเปลี่ยนชื่อจากบุหรี่ เป็น ทอยพอด เพื่อหลบเลี่ยงภาพจำน่ากลัวของบุหรี่ และหันมาใช้ทอยพอดแทน
เรื่อง “เด็กชายใบไม้กับสหายผู้ปกป้อง” เล่าเรื่องที่พบว่าตอนนี้ทุกพื้นที่แทบจะเต็มไปด้วยบุหรี่ไฟฟ้า แต่โชคดีที่มี เด็กชายใจดี แมวดำ ชื่อนินจา และบินจัง กระรอกใจร้อน คอยปกป้องเด็กๆ และเล่มสุดท้าย คือ “ขบวนการปราบทอยพอด” เล่าเรื่องผ่านตัวการ์ตูนฮีโร่ที่ออกตามล่า ทอยพอด
สุดใจ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้กระจายหนังสือนิทานไปตามโรงพยาบาล ศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียน และชุมชน กว่า 233 พื้นที่ พร้อมไปกับการเก็บผลวิจัยว่า หลังจากเด็กได้เรียนรู้จากหนังสือนิทานชุดนี้แล้ว ส่งผลอย่างไร โดยเบื้องต้นมีข้อมูลจากครูบอกว่าที่ผ่านมาเขาไม่มี เครื่องมือที่จะไปคุยกับเด็ก พอหนังสือนิทานชุดนี้ออกมา ทำให้ครูสามารถจัดการเรียนรู้ให้กับเด็กได้มากขึ้น แถมข้อมูลความรู้ท้ายเล่มยังมีประโยชน์กับกลุ่มพ่อแม่ผู้ปกครอง
“นอกจากมาตรการที่เข้มแข็งที่รัฐบาลตอบรับแล้ว ก็คิดว่าตอนนี้ได้เวลาพร้อมใจร่วมกัน พ่อแม่ทุกคนก็ต้องยกการ์ดขึ้นมาปกป้องลูกของตัวเอง เด็กๆ เองก็จะต้องเรียนรู้ด้วย พี่คนโตหลายคนที่ต้องปกป้องน้องๆ ก็ต้องลุกขึ้นมาช่วยกัน เราต้องเริ่มปกป้องเด็กตั้งแต่ครอบครัว ชุมชน รวมไปถึงสถานศึกษาทุกพื้นที่เพื่อให้ปลอดบุหรี่ไฟฟ้า”
ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดและเปิดอ่านหนังสือนิทานทั้ง 7 เล่ม ได้ฟรีที่เวปไซต์ https://www.happyreading.in.thและ https://earlychildhoodbookbank.com/