หากเราให้ทุกท่านนึกถึงการ์ตูนในวัยเด็กมาคนละหนึ่งเรื่อง แน่นอนว่าจะต้องมี “ป็อบอาย” ฮีโร่หนุ่มกะลาสีเรือ ที่มาพร้อมกระป๋องผักโขม และคำพูดทิ้งท้ายว่า “ฉันคือป็อบอายยอดกะลาสีเรือ!” ในวันที่ 17 ม.ค. ถือเป็นวันครบรอบการปรากฎตัวครั้งแรกของป็อบอาย ALTV จึงนำเรื่องจริงที่คุณอาจยังไม่รู้เกี่ยวกับตัวละครนี้มาฝากกัน
ที่มา: New Comics info
ป็อบอายปรากฏตัวครั้งแรกวันที่ 17 มกราคม ค.ศ 1929 ในฐานะตัวละครเสริมจากการ์ตูนคอมิกส์ "ทิมเบิล เธียเตอร์ (Thimble Theater) " เขียนโดย เอลซี ซีการ์ เป็นเรื่องราวการผจญภัยของ โอลีฟ ออยล์ (Olive Oyl) และแฟนหนุ่ม แฮม เกรวี่ (Ham Gravy) เรื่องราวเน้นความตลกขบขัน แต่การปรากฏตัวของป็อบอายก็ยิ่งช่วยเรียกเสียงหัวเราะ และเป็นที่จดจำในกลุ่มผู้อ่านภายในเวลาอันสั้นด้วยบุคลิกเฉพาะตัวที่แปลก ๆ จนในที่สุดหนุ่มกะลาสีเรือกล้ามโตก็ได้กลายมาเป็นตัวละครหลักของเรื่องตามคำเรียกร้องของแฟน ๆ และมีการเปลี่ยนชื่อการ์ตูนเป็น "ป๊อปอาย” ในที่สุด
ปี ค.ศ 1933 ป็อบอายกลายเป็นตัวการ์ตูนอันดับต้น ๆ ของประเทศสหรัฐอเมริกา ปรากฏตัวอยู่ทุกที่ไม่ว่าจะเป็น การ์ตูนโทรทัศน์ หนังสือการ์ตูน วีดีโอเกม และสินค้าต่าง ๆ อีกมากมาย แซงหน้าตัวละครดังอย่างมิกกี้เมาส์ไปได้
ผู้อยู่เบื้องหลังการมีชีวิตของเหล่าตัวละครในเรื่อง “ป็อบอาย” ไม่ว่าจะเป็นป็อบอาย “โอลีฟ ออยล์” (แฟนสาวของป็อบอาย) หรือ “วิมปี้” ผู้โปรดปรานแฮมเบอร์เกอร์ นั่นคือ เอลซี ซีการ์ นักวาดการ์ตูนชาวอเมริกันจากเมืองเชสเตอร์ รัฐอิลลินอยส์ ซึ่งเขาเผยว่าแรงบันดาลใจสำคัญในการสร้างตัวละครเหล่านี้ มาจากผู้คนในแถบบ้านเกิดของตัวเองทั้งสิ้น
เริ่มกันที่ตัวละครเอกอย่างป็อบอายที่ซีการ์ได้แรงบันดาลใจมาจาก "Frank Rocky Fiegel" ชายกะลาสีเรือตาเดียว ที่มักคาบไปป์ไว้ในปากตลอดเวลา ร็อกกี้มีชื่อเสียงด้านการชกต่อยอยู่เสมอจึงทำให้ดวงตาของเขาใช้งานได้เพียงข้างเดียว แฟน ๆ การ์ตูนป็อปอายต่างคาดเดากันไปว่า หรือนี่อาจเป็นที่มาของชื่อ (Pop-eye) ก็เป็นได้ ถึงแม้ร็อกกี้จะมีนิสัยเลือดร้อน รักการต่อสู้ ในขณะเดียวกันเขาคอยช่วยเหลือและปกป้องเด็ก ๆ ในละแวกบ้าน ให้ห่างไกลจากการโดนรังแก ถือเป็นจุดร่วมระหว่างร็อกกี้ และตัวละครป็อบอายในจินตนาการของซีการ์ที่มีภาพลักษณ์เป็น “ฮีโร่” ชอบช่วยเหลือคนอื่นอยู่เสมอ
ถัดมาที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ "โอลีฟ ออยล์" แฟนสาวรูปร่างผอมบางของป็อบอาย ที่ซีการ์ได้แรงบันดาลใจมากจากเจ้าของร้านขายของในละแวกบ้าน นามว่า "Dora Paskel" สาวผอมบาง ตัวสูง และมักมวยผมไว้ด้านหลัง และ "J. William Schuchert" เจ้าของโรงละครในท้องถิ่นผู้ชอบกินแฮมเบอร์เกอร์พ่วงด้วยตำแหน่งหัวหน้าเก่าของซีการ์ ได้เป็นแรงบันดาลใจให้ "เวลลิงตัน วิมปี้" เพื่อนซี้ของป๊อปอายผู้โปรดปรานแฮมเบอร์เกอร์
Popeye (1980)
หลังจากการ์ตูนป็อบอายฉายครั้งแรกในปี ค.ศ. 1933 โดยใช้ชื่อว่า "Popeye the Sailor" ก็ได้ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม จนในปี 1980 ป็อบอายได้มีการพัฒนาไปอีกขั้นด้วยภาพยนตร์เวอร์ชั่นคนแสดง (Live action) โดยใช้ชื่อว่า “Popeye” เป็นหนังแนว Musical-comedy กำกับโดย Robert Altman และได้ Robin Williams มารับบทเป็นป๊อปอาย
แม้ว่าการ์ตูนจะประสบความสำเร็จ แต่ก็ไม่ใช่เครื่องการันตีว่าภาพยนตร์จะประสบความสำเร็จตามไปด้วย เพราะหลังจากฉายไปไม่นานก็เกิดกระแสวิพากย์วิจารณ์ในแง่ลบมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสูบไปป์ตลอดเวลาของป๊อปอายที่สวนทางกับเรตคนดูสำหรับทุกเพศทุกวัย หรือ บางช่วงบางตอนที่ถ่ายทอดออกมาดูน่าขนลุกเกินไป เช่น ฉากที่ชายคนหนึ่งจุดไฟเผาตัวเองบนเตาไฟ เหล่านักวิจารณ์คาดว่าผู้กำกับคงตั้งใจให้เป็นฉากเรียกเสียงหัวเราะ แต่มันดันกลายเป็นฉากฆาตกรรมชวนสยองมากกว่าตลกขบขัน ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังได้รับรางวัล Stinkers Bad Movie Award รางวัลภาพยนตร์ยอดแย่ ที่จัดอันดับโดยเหล่านักวิจารณ์ภาพยนตร์
ที่มา: Texas Hill Country
คริสตัลซิตี้ รัฐเท็กซัส ถือเป็นเมืองศูนย์กลางการแปรรูปและขนส่งผักโขม ที่มีกำลังผลิตผักโขมได้ประมาณ 10,000 กระป๋องต่อวัน ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากอิทธิพลของการ์ตูนป็อบอาย ที่ทำให้เหล่าเด็กชาวอเมริกันต่างนิยมทานผักโขมกันมากขึ้น
ในช่วงที่ประเทศอเมริกาประสบกับปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great depression) ชาวเมืองคริสตัลยังสามารถทำเงินจากการส่งออกผักโขมได้ เพราะในยุคนั้นผักโขมนิยมมากในเด็กอเมริกัน หลังจากที่พวกเขาเห็นว่าป็อบอายกินผักโขมแล้วกล้ามใหญ่ มีพละกำลังมหาศาล ผักโขมจึงเป็นที่ต้องการในตลาดสูง
ในภายหลังชาวเมืองคริสตัลซิตี้ ได้สร้างรูปปั้น “ป็อบอาย” ที่คุณจะเห็นเป็นอย่างแรกเมื่อได้ไปเยือนคริสตัลซิตี้ ทั้งนี้ก็เพื่อแสดงความขอบคุณตัวละครป็อบอาย ที่ช่วยให้พวกเขาลืมตาอ้าปากจากการส่งออกผักโขมได้นั่นเอง
ในเรื่องราวช่วงแรก ๆ จากการ์ตูนเรื่องทิมเบิล เธียเตอร์ ป็อบอายจะเพิ่มพลังด้วยการใช้ฝ่ามือถูไปมาบนศีรษะของเขาแทนการกินผักโขม ซึ่งจุดเปลี่ยนอยู่ตรงที่ป๊อปอายเกือบเสียชีวิตจากบาดแผลกระสุนปืนจากการต่อสู้กับเบอร์นิช ตัวละครหนึ่งในเรื่อง ทำให้เขาต้องกินผักโขมเพื่อฟื้นฟูพละกำลังและร่างกาย ซีการ์เลือกผักโขมจากความเข้าใจของตนว่ามันอุดมไปด้วยแร่ธาตุจำนวนมาก นับตั้งแต่นั้นมาผักโขมจึงกลายเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับป็อบอายตลอดมา
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
นอกจากเนื้อเรื่องที่สนุกจนลืมไม่ลง ด้วยนิสัยชอบช่วยเหลือผู้อื่น และยึดมั่นในคุณธรรมทำให้ป็อบอายกลายเป็นที่รักของเด็กทั่วโลก นอกจากนี้ยังได้สร้างปรากฎการณ์น่าทึ่ง อย่างการทำให้เด็ก ๆ ที่ส่วนใหญ่ไม่ปลื้มผักใบเขียว เรียกร้องหาแต่ผักโขม เรียกได้ว่าเป็น "ฮีโร่" ทั้งในและนอกจอเลยทีเดียวนะเนี่ย!