วันที่ 1 มิถุนายนทุกปี ถูกกำหนดให้เป็น 

"วันดื่มนมโลก" หรือ "World Milk Day"

“นม” เป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก เรียกได้ว่าตั้งแต่เกิดที่คลอดออกจากท้องแม่ ก็ต้องดื่มนมเป็นอาหาร และเนื่องในโอกาสวันดื่มนมโลก ALTV จะพาไปย้อนรอยดูความเชื่อเรื่องของนมตั้งแต่โบราณ และเรื่องของ “นม” ที่มากกว่าแค่การดื่มนม

นมถือว่ามีคุณค่าทางโภชนาการมากมาย นอกจากมีไว้ดื่มแล้ว เรายังเคยได้ยินวิธีบำรุงผิวพรรณจากนม ที่ผู้หญิงพูดกันอยู่บ่อย ๆ จนคุ้นชินหูว่า “อาบน้ำแร่ แช่น้ำนม” แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้มาก่อนว่าการ “แช่น้ำนม” มีประโยชน์อย่างไร แล้วทำไมต้องแช่น้ำนมด้วยล่ะ

1.วลีคุ้นหูที่ว่า “แช่น้ำนม”

มีมาตั้งแต่สมัยคลีโอพัตรา นับถอยหลังไปเมื่อ 2000 ปีที่แล้ว ถือว่าการอาบน้ำนม เป็นวิธีบำรุงผิวของผู้หญิงสมัยโบราณที่ดีที่สุด เพราะว่าในน้ำนม มีกรดแลคติก อุดมไปด้วยวิตามิน โปรตีน และแร่ธาตุ ช่วยฟื้นฟูผิวที่แห้งเสีย กลับมาเนียนนุ่ม ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่ใช้การดูแลผิวด้วยวิธีนี้ มักจะเป็นคนที่ค่อนข้างมีฐานะ หรืออยู่ในท้องถิ่นที่หาวัตถุดิบได้ง่าย เพราะต้องใช้น้ำนมสดในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อให้เราสามารถลงไปนอนแช่ได้อีกด้วย แต่ในปัจจุบันอาจไม่ตอบโจทย์คนในสมัยนี้มากเท่าไหร่ เพราะขั้นตอนมากมาย บวกกับการคิดค้นนวัตกรรมที่สามารถนำสารสกัดจากธรรมชาติ มาใช้เป็นส่วนผสมในครีมบำรุงผิว หรือครีมอาบน้ำได้ ทำให้การแช่น้ำนมอาจจะไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของการดูแลผิวอีกต่อไป

แต่ “นม” ก็ยังจำเป็นต่อบริโภค เพราะมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ครบถ้วนด้วยสารอาหารหลัก 5 หมู่ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก หรือผู้ใหญ่ ก็สามารถดื่มได้ทุกวัย แต่ไม่ใช่ทุกเวลา หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมในโฆษณา ต้องชวนให้ดื่มนมตอนเช้าด้วยนะ จะดื่มตอนไหนก็ได้ประโยชน์เหมือนกันไม่ใช่หรอ ? แต่หากเลือกดื่มนมตามเวลาที่เหมาะสม ก็จะยิ่งช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์ไปเต็ม ๆ

2.เวลาไหนที่ควรดื่มนม❗️

• ช่วงเวลา 05.00 – 07.00 น.

ช่วงเวลานี้ควรดื่มนมเปรี้ยวที่มีจุลินทรีย์ เพราะเป็นช่วงที่ลำไส้ใหญ่เริ่มทำงาน เพราะจุลินทรีย์ในนมเปรี้ยวจะไปช่วยกระตุ้นให้ลำไส้ใหญ่ทำงานได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ระบบขับถ่ายมีการทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ

• ช่วงเวลา 07.00 – 09.00 น.

ช่วงเวลาอาหารมื้อเช้า การดื่มนมพาสเจอร์ไรส์ หรือมอลต์ในช่วงเวลานี้จะช่วยทำให้กระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหารให้ดีขึ้น

• ช่วงเวลา 09.00 – 12.00 น.

การดื่มนมผสมโยเกิร์ต หรือกินโยเกิร์ตไขมันต่ำ จะสามารถไปช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองให้มีประสิทธิภาพ มีความจำที่ดี

• ช่วงเวลา 12.00-15.00 น.

เป็นช่วงเวลาการทำงานของระบบย่อยอาหาร ของกระเพาะกับลำไส้เล็ก หากดื่มนมเปรี้ยวในช่วงเวลานี้จะไปช่วยให้ลำไส้เล็กย่อยและดูดซึมอาหารได้ดียิ่งขึ้น แนะนำดื่มหลังอาหาร

• ช่วงเวลา 15.00 – 17.00 น.

ควรเลือกดื่มนมเปรี้ยวอีกครั้ง เพราะเป็นช่วงเวลาการทำงานของกระเพาะปัสสาวะและเพื่อช่วยทำให้ระบบการทำงานของกระเพาะปัสสาวะขับถ่ายของเสียได้ดียิ่งขึ้น

• ช่วงเวลา 17.00 – 21.00 น.

เป็นช่วงที่ร่างกายต้องการพักผ่อน การดื่มนมที่มีวิตามิน C และ E แทนอาหารเย็น จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและหัวใจได้ดี

• ช่วงเวลา 21.00 – 23.00 น.

การดื่มนมอุ่น ๆ ในเวลานี้จึงเหมาะสมที่สุด และเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีที่สุดอีกด้วย

แม้การดื่มนมจะมีประโยชน์ มีคุณค่าทางโภชนาการที่ดี ช่วยในการเจริญเติบโต และทำให้สุขภาพแข็งแรง แต่ไม่ใช่สำหรับทุกคน เพราะนมบางชนิดก็อาจจะไม่ถูกกับลำไส้เรามากนัก วันนี้จะพาไปดูว่าอาการแพ้นมที่พบในเด็กและผู้ใหญ่ จะมีอาการเป็นอย่างไรกันบ้าง

3.อาการแพ้นม

👉แพ้โปรตีนในนมวัว

เด็กไทยมักจะแพ้นมวัวประมาณ 30,000-40,000 ราย สาเหตุมาจากระบบภูมิคุ้มกัน และระบบทางเดินอาหารที่ยังไม่สมบูรณ์ รวมถึงพันธุกรรมของพ่อและแม่ที่เป็นโรคภูมิแพ้ ซึ่งสามารถสังเกตอาการแพ้นมได้จากสิ่งเหล่านี้

• ถ่ายเป็นเลือด ส่งผลต่อการย่อย การดูดซึมอาหารและการเจริญเติบโต
• ท้องเสียเรื้อรัง ไม่ได้ท้องเสียทันทีหลังกินนมวัว จึงแตกต่างจากอาการท้องเสียทั่วไป
• ร้องไห้งอแงผิดปกติ หลังกินนมวัว พบว่ามีอาการงอแงร้องไห้ อารมณ์ไม่ดีผิดปกติ
• น้ำมูกไหลเรื้อรัง มีน้ำมูกไหล คล้ายอาการหวัด แต่เกิดหลังลูกกินนมวัว
• ผื่นแพ้ขึ้นตามร่างกาย พบผื่นขึ้นตามใบหน้า ศีรษะ แขนขา และตามลำตัว เช่นเดียวกับอาการแพ้อื่น ๆ
• หอบหายใจมีเสียงหวีด ระบบทางเดินหายใจทำงานผิดปกติ ซึ่งเกิดจากการแพ้นมวัว
• อาเจียนหรือแหวะนม ลูกอาเจียน หรือแหวะนมหลังกินนมวัว หรืออาหารที่มีส่วนผสมของนมวัว

👉แพ้น้ำตาลในนมวัว

ผู้ใหญ่ที่เริ่มมีอายุมากขึ้น จะเกิดอาการผิดปกติทางเดินอาการหลังจากดื่มนม เพราะว่าเกิดการแพ้น้ำตาลในนมวัวที่มีชื่อว่า “แลคโตส” ทำให้เกิดอาการเหล่านี้ตามมาด้วยเช่นกัน

• แน่นทอง ท้องอืด
• ปวดท้อง ผายลมบ่อย
• คลื่นไส้ ท้องเสีย
• อาเจียน ถ่ายเหลว

โดยอาการแพ้นมมีวิธีแก้ ด้วยการปรึกษาแพทย์ และหันมาดื่มนมชนิดอื่นทดแทน เช่นนมที่ทำจากธัญพืช อาทิ นมถั่วเหลือง และนมอัลมอนต์ ซึ่งก็มีคุณค่าทางโภชนาการสูงเช่นกัน

ถึงแม้ว่าคนบางกลุ่มจะมีอาการแพ้นม แต่นมก็ถือเป็นอาหารมื้อแรกของมวลมนุษย์ และสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนมทั้งหลายบนโลกนี้ ซึ่งถือว่านมแม่ เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูก ๆ และในบางครั้งการผลิตน้ำนมของแม่ อาจจะมีไม่เพียงพอ วันนี้เรามีเกร็ดความรู้เกี่ยวกับอาหาร ที่จะช่วยกระตุ้นน้ำนมให้ดีขึ้น

4.เมนูเรียกน้ำนม

เมื่อคุณแม่มีอาการผลิตน้ำนมออกมาได้น้อย และไม่ค่อยดีมากนัก ทำให้แหล่งอาหารที่เปี่ยมไปด้วยความรัก และคุณประโยชน์สำหรับลูกกำลังจะมีปัญหา จึงคัดสรรอาหารเรียกน้ำนมแม่ มาช่วยขจัดความกังวลกับปัญหาน้ำนมไม่พอ

• แกงเลียงหัวปลี เพราะมี "หัวปลี" เป็นวัตถุดิบ ที่จะช่วยเสริมสร้างธาตุเหล็ก แคลเซียมฟอสฟอรัสมาก ทำให้ช่วยบำรุงน้ำนมได้ดี
• ปลานึ่งขิง เพราะมีขิงที่ช่วยให้เจริญอาหาร อุดมไปด้วยแคลเซียม วิตามินเอ วิตามินบี และยังช่วยขับเหงื่อขับลม ไล่ความเย็น แก้ท้องอืดท้องเฟ้ออีกด้วย
• หมูอบซอสพริกไทยดำ เป็นอีกหนึ่งเมนูที่มี พริกไทยเป็นส่วนผสมสำคัญให้กับอาหาร และมีสรรพคุณดีไม่แพ้ใคร เพราะเป็นแหล่งโปรตีน และคาร์โบไฮเดรต ช่วยกระตุ้นการหลั่งของน้ำนมได้ดีขึ้น
• ผัดกระเพรา เมนูสุดฮิตที่คุณแม่ก็กินได้ เพราะมี ใบกะเพรา หากินง่าย ๆ ได้รอบบ้าน มีธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส และมีใยอาหารสูง ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ทำให้ร่างกายผลิตน้ำนมได้มาก

เกร็ดความรู้✨

5.คุณแม่ที่เสริมหน้าอก ให้นมบุตรได้หรือไม่ ?

สาว ๆ หลายคนที่กำลังกังวลว่า หลังจากผ่าตัดเสริมหน้าอกแล้ว สามารถกลับให้นมลูกได้เหมือนเดิมหรือไม่ จริง ๆ แล้ว สามารถให้นมลูกได้เหมือนเดิมตามปกติ เพราะว่าปัจจุบันการเสริมหน้าอกใช้เทคนิคการใส่ถุงซิลิโคนเข้าไปที่ใต้ หรือเหนือกล้ามเนื้อเต้านม ซึ่งอยู่คนละส่วนกับที่ใช้ผลิตน้ำนมนั่นเอง

นอกจากน้ำนมในคนแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน ก็คือน้ำนมจากแม่สุนัข และแม่แมว โดยในปัจจุบันสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ อาจเติบโตมาในท่ามกลางที่ไม่มีน้ำนมของแม่ให้ดื่มเป็นอาหารเลย จึงมีผลิตภัณฑ์มากมาย เพื่อให้นมเป็นสิ่งที่ทดแทน แต่จะเลือกนมชนิดไหนให้เหมาะสมกับสัตว์เลี้ยงสุดน่ารัก ตามมาดูกันเลย

6.รู้หรือไม่ ? สุนัข-แมว ห้ามกินนม❗️

สุนัข และแมวของคุณในวัยเด็ก อาจไม่รู้ว่าควรจะให้อะไรเป็นอาหาร จึงเลือกให้นมน้อง ๆ เหล่านั้นแทน จริง ๆ แล้วถือเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องเสมอไป จากการสัมภาษณ์ คณบดีคณะเทคนิคการสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า

จริง ๆ แล้ว ทั้งสุนัขและแมว เป็นสัตว์ที่ไม่มี เอมไซม์ จึงไม่สามารถย่อยนมวัวได้นั่นเอง ในนมวัวจะมี Lactose ค่อนข้างสูง เมื่อได้รับนมพวกนี้ไป มักจะเกิดอาหารท้องเสีย นำไปสู่การเกิดท้องเสียเรื้อรังติดต่อกันหลายวัน ทำให้เสี่ยงกับการเกิดโรคอื่น ๆ ตามมาได้ง่ายขึ้น

วิธีแก้หากจำเป็นต้องให้นมน้อง ๆ กรณียังเด็ก และไม่มีแม่คอยให้นมแล้ว สามารถให้นมได้ โดยจะต้องใส่ส่วนผสมอื่น ๆ เช่น ไข่แดง น้ำมันข้าวโพด หรือวิตามินเหลวสำหรับเด็ก เพื่อให้เกิดการเจือจาง ทำให้น้อง ๆ จะได้รับ Lactose น้อยที่สุด และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์นมแพะ ถึงแม้ว่าจะมีราคาค่อนข้างสูง แต่ "นมแพะ" ถือว่าเป็นนมทดแทนที่ค่อนข้างดี เพราะว่าในนมแพะมีคุณสมบัติที่ครบถ้วน ได้แก่

✅มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และมีขนาดเม็ดไขมันที่เล็กจึงย่อยง่าย

✅อุดมไปด้วยโปรตีน แคลเซียม และไขมันเป็นสารอาหารที่จำเป็น

✅ทำให้สัตว์เลี้ยงเจริญเติบโตได้ดี

✅มีขนาดเม็ดไขมันที่เล็กกว่านมวัว จึงดูดซึมได้ดีและย่อยง่าย

✅มีแลคโตสในนมแพะ น้อยกว่านมวัว

✅เหมาะสำหรับเป็นนมทดแทน สำหรับลูกสัตว์กำพร้าหย่านมเร็ว

1 มิถุนายน วันดื่มนมโลก เมื่อทุกคนได้เรียนรู้เรื่องที่น่าสนใจเรื่องของ “นม” รอบตัวแล้ว อย่าลืมเลือกดื่มนมที่เหมาะสมกับร่างกาย หากใครอยากออกเดินทางไปเรียนรู้ และท่องเที่ยวในฟาร์มควายนม ตั้งแต่กระบวนการแรกสู่ผลิตภัณฑ์นมควาย ห้ามพลาด ! รายการ Kid Rangers ปฏิบัติการเด็กช่างคิด ทุกวันเสาร์ เวลา 12.55 – 13.15 น. ทาง ALTV ทีวีเรียนสนุก ช่องหมายเลข 4