'วันสวัสดีโลก' เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1973 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมสันติภาพ และยุติความขัดแย้งในประเทศแถบตะวันออกกลาง ก่อนที่จะได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย และกลายมาเป็นวันสำคัญของ 180 ประเทศทั่วโลก
โดยธรรมเนียมการฉลิมฉลองวันสวัสดีโลก สามารถทำได้ด้วยการกล่าวคำทักทายคนรอบข้างไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ครอบครัว หรือคนแปลกหน้าให้ได้ อย่างน้อย 10 คน ในวันนี้ เพราะนอกจากถือเป็นการแสดงมารยาทที่ดีแล้ว ยังส่งเสริมความสัมพันธ์ให้ดีขึ้นได้อีกด้วย
นอกจากนี้ การทักทายยังสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมของพื้นที่นั้น ๆ อีกด้วย เรามาดูกันว่าในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เขามีวิธีการทักทายแบบใด แล้วแต่ละแบบมีความหมายอย่างไรบ้าง
ในหลายประเทศการแลบลิ้นใส่คนแปลกหน้า อาจดูเป็นการกระทำที่หยาบคาย แต่ในวัฒนธรรมของชาวทิเบต การแลบลิ้นใส่กันถือเป็นการแสดงความเคารพ และเป็นการทักทายแบบดั้งเดิมที่สืบทอดมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 9
การแลบลิ้นทักทายกัน มีต้นกำเนิดมาจากตำนานของ พระเจ้าลังทาร์มา (Lang Darma) กษัตริย์แห่งทิเบต ที่ไม่เป็นที่รักใคร่ของประชาชน และทรงมีลิ้นสีดำ เพื่อพิสูจน์ว่าตนเองไม่ใช่กษัตริย์กลับชาติมาเกิด ชาวทิเบต จึงพิสูจน์ตนเองด้วยการแลบลิ้นของออกมา เพื่อให้เห็นว่าลิ้นของตนไม่ได้มีสีดำ ก่อนจะกลายมาเป็นวิธีการทักทายที่ใช้กันทั่วไป
สำหรับ ชนเผ่าเมารี (Maori) ชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศนิวซีแลนด์ มีวิธีการทักทายที่ไม่เหมือนใคร นั่นคือ 'การจรดหน้าผากและจมูกชนกัน' หรือที่เรียกว่า 'ฮองงิ' (Hongi) ซึ่งสำหรับชนเผ่าเมารีแล้ว ฮองงิเป็นวิธีแสดงออกถึงความเคารพและความเป็นมิตรไมตรีต่ออีกฝ่าย สามารถใช้ได้กับทั้งคนในครอบครัว เพื่อน รวมถึงแขกที่มาเยือน
ตามความเชื่อของชนเผ่าเมารี ลมหายใจถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้าประทานให้ การถูกจมูกกันและกัน จึงเปรียบเหมือนการแบ่งลมหายใจและพลังชีวิตให้แก่กัน
การโค้งคำนับเป็นส่วนหนึ่งของมารยาทและวัฒนธรรมในประเทศแถบเอเชียตะวันออก โดยเฉพาะในจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี แม้จะมีรูปแบบแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่ก็มีรากฐานมาจากแนวคิดเดียวกันคือ 'การแสดงความเคารพและการนอบน้อม'
นอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ของการแสดงความยินดี หรือการยกย่องสรรเสริญแล้ว ในวัฒนธรรมของประเทศซิมบับเว โดยเฉพาะในกลุ่มชาติพันธุ์โชนา (Shona) การปรบมือคือวิธีการทักทายรูปแบบหนึ่ง โดยทั้งสองฝ่ายจะทักทายกันด้วยการจับมือขวาก่อน จากนั้นค่อยปรบมือ 2 ครั้ง บางคนอาจปรบมือพร้อมพูดว่า "Mhoroi Makadini ?" ซึ่งแปลว่า "สวัสดี คุณสบายดีไหม" ในภาษาโชนา
การนำแก้มมาแนบเบา ๆ เป็นวิธีการทักทายที่หลายคนอาจเคยเห็นผ่านตามาบ้างในภาพยนตร์ สิ่งนี้ เรียกว่า 'Faire La Bise' (แฟร์ ลา บีซ) รูปแบบการทักทายที่พบเห็นได้ในหลายประเทศในยุโรป โดยเฉพาะฝรั่งเศษ แฟร์ ลา บีซทำได้โดยที่ทั้งสองฝ่ายจะสวมกอดกัน และนำแก้มมาชนกันเบา ๆ สลับซ้ายชวา
โดยมีการสันนิษฐานว่าการจูบด้วยแก้มนี้ ได้รับอิทธิพลมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรโรมันโบราณ นักประวัติศาสตร์เชื่อว่า เป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกที่อบอุ่นเป็นกันเอง ท่าทางที่ต้องใกล้ชิดกันเป็นเหมือนการละลายพฤติกรรม ให้กล้าเปิดเผยความเป็นตัวเองต่อคนแปลกหน้ามากขึ้น
แต่ถึงอย่างไรก็ตามเราไม่สามารถใช้การทักทายแบบ Faire La Bise กับใครก็ได้ ชาวฝรั่งเศสส่วนใหญ่จะใช้กับคนที่รู้จักกันบ้าง เช่น เพื่อนที่ทำงาน คนในครอบครัว หรือในงานพิธีการสำคัญ
ที่มา: www.bbc.co.uk, www.webmd.com